ไรมอน แลนด์ กางแผนรุกธุรกิจปี 2567ภายใต้แนวคิด REIMAGINING THE PINNACLE OF LIVING เตรียมเปิดตัวแนวราบ 2 โครงการใหม่ระดับอัลตร้าลักชัวรี มูลค่ารวม10,000 ล้านบาท ย่านสุขุมวิทจำนวน 5 ยูนิต ราคาเริ่มต้น400 -700 ล้านบาท และบนหาดกมลา จังหวัดภูเก็ต จำนวน 7 ยูนิตราคาเริ่มต้น 600-1,000 ล้านบาท ส่วนโครงการ‘OCC’ อาคารสำนักงานลักชัวรีGrade A+ ที่สูงที่สุดในไทย ได้เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ มีอัตราเช่าพื้นที่สำนักงานแล้วประมาณ 55%

นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไรมอนด์ แลนด์ จำกะด(มหาชน) เปิดเผยว่า  ในปี2567นี้บริษัทได้วางทิศทางการดำเนินงานภายใต้แนวคิด ‘REIMAGINING THE PINNACLE OF LIVING’ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ และมอบประสบการณ์ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่สุดในทุกมิติให้กับลูกค้า โดยมีโครงการพร้อมอยู่ 2 โครงการ ได้แก่ ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ คอนโดฯ อัลตร้าลักชัวรี่ ตั้งเป้าโอนกรรมสิทธิ์เต็ม 100% ในไตรมาส 1 นี้และโครงการเทตต์ สาทร ทเวลฟ์ ตั้งเป้าปิดการขายในครึ่งปีแรกนี้ และโอนกรรมสิทธิ์เต็ม 100% ในไตรมาส 3

นอกจากนี้บริษัทยังได้เตรียมเปิดขายโครงการอัลตร้าลักชัวรีแนวราบ 2 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการอัลตร้าลักชัวรีย่านสุขุมวิทจำนวน 5 ยูนิต ราคาเริ่มต้น400 -700 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท จะเปิดขายรอบพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟปลายไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3 นี้ และโครงการอัลตร้าลักชัวรีบนหาดกมลา จังหวัดภูเก็ต ออกแบบเป็นวิลล่าเฟสแรกจำนวน 7 ยูนิตราคาเริ่มต้น 600-1,000 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 7,000 ล้านบาท จะเปิดขายรอบพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟไตรมาส 4

ส่วนความคืบหน้าโครงการOCC หรือ One City Centre  อาคารสำนักงานลักชัวรี่ Grade A+ ที่สูงที่สุดในไทยด้วยความสูง275.76ตารางเมตร ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์ร่วมทุนกับมิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) ผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำของญี่ปุ่น มูลค่าโครงการ 8,800 ล้านบาท ได้เปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบแล้ว

ทั้งนี้ภายในอาคารสูง 61ชั้น มีพื้นที่เช่าทั้งหมด 61,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย พื้นที่สำนักงานให้เช่า 57,000 ตารางเมตร และพื้นที่รีเทล 40,000 ตารางเมตร โดยคิดอัตราค่าเช่าพื้นที่สำนักงาน 1,500บาทต่อตารางเมตร ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่สำนักงานจากบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกและบริษัทชื่อดังในไทยแล้วประมาณ 55% คาดว่าปีนี้จะมีอัตราการเช่าพื้นที่สำนักงานกว่า 70%

ส่วนพื้นที่รีเทลมีการเช่าพื้นที่จากร้านค้าพรีเมียมอยู่ที่ 90% มั่นใจว่าจะปิดการเช่าพื้นที่เต็ม 100% ในปี 2567 นี้ เนื่องจากจุดเด่นของอาคาร OCC ได้รับการออกแบบฟังก์ชันเพื่อรองรับการใช้งาน โดยไม่มีเสากลาง ช่วยเพิ่มปริมาณการจ่ายอากาศบริสุทธิ์ในพื้นที่ได้มากกว่ามาตรฐานถึง30% พร้อมระบบการกรองอากาศแบบMERV14 ช่วยกรองฝุ่นPM2.5 และพื้นที่สวนส่วนกลางขนาด 3ไร่ รวมทั้งยังสามารถเดินทางสะดวกสบายด้วยทางเดินสกายวอล์กที่เชื่อมกับรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีเพลินจิต

โดยบริษัทที่เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่สำนักงาน OCC ล้วนเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นที่รู้จักในไทยจากหลากหลายธุรกิจ ทั้งธุรกิจเทคโนโลยี อีคอมเมิร์ซ, โค-เวิร์คกิ้งสเปซ,ธุรกิจการเงิน และธุรกิจบริการ เช่น เดอะ บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย), แปซิฟิค ไพร์ม คอนซัลแตนท์,ธนาคารบีเอ็นพี พารีบาส์, บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) จำกัด,ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) รวมถึงจัสโค ผู้ให้บริการพื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่นชั้นนำของเอเชีย ตั้งอยู่บนชั้น 37 ถึง 40 ของอาคาร OCC โดยมีแผนต่อขยายพื้นที่เช่าในอาคารเพิ่มภายในปี 2567

นอกจากนี้ภายในโครงการ OCC ยังมีพื้นที่สำหรับแฮงเอ้าท์ ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่ชื่อดัง โดยปัจจุบันมีร้านค้าเปิดให้บริการเกือบเต็มพื้นที่แล้ว ร้านใหม่ล่าสุดที่เปิดให้บริการ ได้แก่ ร้านกรีน แอนด์ บีน ซึ่งเปิดให้บริการสาขาแรกในประเทศไทย เป็นร้านคาเฟ่ที่โดดเด่นด้วยเมล็ดกาแฟและวัตถุดิบชาเขียวพรีเมียมนำเข้าจากญี่ปุ่น  ร้านเอนิชิ ราเมนที่คนญี่ปุ่นแนะนำ การันตีด้วย มิชลิน บิบ กูร์มองด์ ซึ่งจะเปิดให้บริการสาขาแรกในประเทศไทยปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ รวมถึงซูชิ ชิมะโมโตะ ร้านโอมากาเสะชื่อดัง ซึ่งจะเปิดให้บริการสาขาแรกในประเทศไทยเช่นกันในไตรมาส 2 นี้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*