ไรมอน แลนด์ ลุยตลาดอสังหาฯระดับลักชัวรีและอัลตร้าลักชัวรี เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 3,588 ล้านบาท สำหรับใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ที่วางแผนเปิด 3 โครงการบ้านแนวราบหรูพร้อม Branded Residential Villa โชว์ผลงานปี’66 ทำยอดขายได้ 1,912 ล้านบาทมาจากคอนโดฯพร้อมอยู่ 2 โครงการ พร้อมรายได้ประจำจากโครงการโอซีซี อาคารสำนักงานลักชัวรี่เกรด A+ ที่มีอัตราการเช่าแล้วประมาณ 70%


นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัทไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มลักชัวรีและอัลตร้าลักชัวรียังคงมีอุปสงค์สูง ดังนั้นในปี 2567 บริษัท พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ใหม่ที่จะขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปอย่างมั่นคง ควบคู่ไปกับการสร้างรายได้ให้กับบริษัท gเน้นการพัฒนาโครงการรูปแบบใหม่ในเซกเมนต์ที่ยังไม่ค่อยมีการพัฒนา โดยจะให้ความสำคัญกับการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ ประกอบกับบริหารการเงินของบริษัทให้มีกระแสเงินสดเพียงพอและมีสภาพคล่อง โดยจะเดินหน้าสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องจากโครงการโอซีซี ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานลักชัวรีเกรด A+ ที่สูงที่สุดในประเทศไทย ที่เป็นการร่วมทุนในสัดส่วน 60:40 ระหว่างกลุ่มไรมอนแลนด์ และมิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) มีพื้นที่ให้เช่ารวมประมาณ 61,000 ตารางเมตร อัตราค่าเช่าเฉลี่ย 1,500 บาท/ตารางเมตร ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่แล้วรวม 70% หลังจากโครงการสร้างแล้วเสร็จเพียง 6 เดือน

นอกจากนี้บริษัทยังได้วางกลยุทธ์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ด้วยการประกาศเพิ่มทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 3,588 ล้านบาท สำหรับใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ และสร้างการเติบโตที่มั่นคงของรายได้  พร้อมวางแผนพัฒนาโครงการแนวราบเจาะกลุ่มลูกค้ามหาเศรษฐีบนยอดพีรามิดของเซกเมนต์อัลตร้าลักชัวรี ด้วยการเปิดตัว 3 โครงการบนทำเลหัวเมืองหลัก ได้แก่ โครงการย่านพร้อมพงษ์-ทองหล่อ มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ย 400–700 ล้านบาทต่อยูนิต และโครงการ Branded Residential Villa ระดับอัลตร้าลักชัวรีย่านอ่าวกมลา จังหวัดภูเก็ต มูลค่าโครงการ 12,000 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ย 600 – 1,000 ล้านบาทต่อหลัง

รวมทั้งโครงการแนวราบระดับอัลตร้าลักชัวรีริมแม่น้ำเจ้าพระยา ราคาขายประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อยูนิต โดยทั้ง 3 โครงการจะได้รับการสนับสนุนจากกองทุนที่จะจัดตั้งขึ้นโดยบริษัท และมีบริษัทเป็นผู้ลงทุนหลัก พร้อมกับนักลงทุนสถาบันด้านอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงได้รับสนับสนุนเงินกู้จากสถาบันการเงินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนตามความเหมาะสม อีกทั้งบริษัทฯ ยังปรับรูปแบบการบริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่ในโครงการมิกซ์ยูสริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเปิดขายให้กับนักลงทุนอีกด้วย

ส่วนผลประกอบการปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัททำยอดขายได้ 1,912 ล้านบาทมาจากคอนโดฯ 2 โครงการ พร้อมอยู่ ได้แก่ โครงการดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์  ระดับอัลตร้าลักชัวรีจำนวน 146 ยูนิต มีมูลค่าโครงการ 5,200 ล้านบาท สามารถปิดการขายได้เรียบร้อยแล้ว และคอนโดฯลักชัวรีพร้อมอยู่ย่านสาทร โครงการเทตต์ สาทร ทเวลฟ์ มียอดขายรวม 98% นอกจากนี้ยังมีรายได้ประจำจากโครงการโอซีซี อาคารสำนักงานลักชัวรี่เกรด A+ ที่ปัจจุบันมีอัตราการเช่าแล้วประมาณ 70%

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปี 2566 ที่ผ่านมาจะเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายของไรมอนแลนด์ แต่บริษัทยังสามารถบริหารการขายโครงการได้ในระดับที่น่าพึงพอใจ โดยสามารถปิดการขายคอนโดฯ ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ และมีรายได้หลักมาจากการโอนกรรมสิทธ์โครงการนี้ประมาณ 4,750 ล้านบาท หรือคิดเป็น 97% ของจำนวนยูนิตพร้อมโอน และคอนโดฯเทตต์ สาทร ทเวลฟ์ ที่มียอดโอนแล้วถึง 2,400 ล้านบาท หรือคิดเป็น 55% ของจำนวนยูนิตพร้อมโอน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*