นายวิชา วรสายัณห์ ลีดเดอร์ กลุ่มธุรกิจ เฮาส์ซิ่งเทคโนโลยี บริษัท ลิกซิล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมประตูและหน้าต่างอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ายุคใหม่และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการอยู่อาศัยภายในบ้าน โดยเฉพาะในช่วง 1-2ปีนี้ที่มีการเเพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ผู้คนต้องปรับตัวใช้เวลาอาศัยอยู่ในบ้านแบบ Work From Home หรือทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวต่อวันยาวนานขึ้น ทำให้เทรนด์การตกเเต่งบ้านเริ่มเปลี่ยนไปหันมาให้ความสำคัญกับความสะดวกและความสบายของพื้นที่อยู่อาศัย มีการปรับปรุง ต่อเติม ซ่อมแซมบ้าน รวมถึงสนใจการออกแบบตกแต่งบ้าน และเลือกซื้อวัสดุมาปรับปรุงบ้านด้วยตัวเองกันมากขึ้น

ทำให้บริษัทต้องปรับทิศทางการตลาด เพื่อหาเเนวทางที่ตอบโจทย์สถานการณ์ตลาดและพฤติกรรมของกลุ่มผู้บริโภคให้ได้มากขึ้น ด้วยการทำการศึกษาวิจัย พัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ เพื่อเป็นผู้นำตลาดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยยังคงเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์หน้าต่างบานยก (Tile & Slide) ที่รวมฟังก์ชันการทำงานที่สำคัญ 2 อย่างเข้าไว้ในกรอบหน้าต่างเดียวกัน

ล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “ATIS FRAMING THE BEAUTY OF LIVING”ภายใต้แบรนด์ TOSTEM โดยจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ ATIS ในหน้าต่างบานยก คือ การเปิดแบบเอียงบานเข้าด้านในห้องเพื่อรับลมธรรมชาติได้ตลอดวัน อีกทั้งยังมี PSS BALANCER ที่ช่วยให้การเปิด-ปิดหน้าต่างแบบเบาแรง เพราะบาลานเซอร์จะรองรับน้ำหนักบานหน้าต่างทั้งหมดไว้พร้อมกับควบคุมทิศทางในการเลื่อน

นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์รุ่น ATIS ยังมาพร้อมนวัตกรรมผืนมุ้งกันแมลง Invisible Shield โดยใช้เส้นใยที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดเล็กกว่าทั่วไปถึง 40% ทำให้โปร่งแสงขึ้น สามารถมองวิวผ่านได้แบบสุดสายตา ไม่ทำให้บรรยากาศในห้องอึดอัดเพราะสามารถให้ลมผ่านได้มากขึ้นถึง 20%

รวมทั้งยังมีมือจับแบบก้านหมุนในหน้าต่างบานกระทุ้ง ช่วยให้ไม่ต้องเอนตัวออกนอกอาคารเพื่อเปิด/ปิดหน้าต่าง และฟังก์ชันการเลื่อนปิดบานแบบ 2 จังหวะเพื่อป้องกันการหนีบมือในหน้าต่างบานยก

ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 10 ที่ผ่านมา ธุรกิจของทอสเท็ม ในประเทศไทยเติบโตขึ้นเท่าตัว โดยเป็นที่รู้จักกันดีในเเวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เเละสถาปนิก และเน้นทำตลาดเเบบ B2B กับกลุ่มลูกค้าโครงการ แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมารายได้จากกลุ่มลูกค้าเจ้าของบ้านเติบโตขึ้นถึง 20-30% จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ ATIS ที่จะเน้นทำการตลาดกับลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้นด้วยฟังก์ชันที่หลากหลาย ช่วยให้ลูกค้าใช้งานระบบได้สะดวก รวดเร็ว ง่ายขึ้นกว่าเดิม ตอบโจทย์พฤติกรรมของคนในยุค New Normal

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*