ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ รายงานตลาดอสังหาฯพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) 3 จังหวัด ไตรมาส 3 มีอุปทานพร้อมขายจำนวน 54,116 ยูนิต ลดลง -9.11% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน  บ้านจัดสรรมีจำนวน มากสุด 36,118 ยูนิต เปิดขายใหม่ 4,117 ยูนิต สินค้าคอนโดฯเปิดขายมากสุดเมืองชลบุรี ส่วนบ้านแนวราบกระจุกตัวเมืองฉะเชิงเทราและระยอง ขณะที่สินค้าเหลือขายมีจำนวน 47,376 ยูนิต มูลค่า 163,872 ล้านบาท แบ่งเป็นอาคารชุด 16,381 ยูนิต และบ้านจัดสรร 30,995 ยูนิต

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึงภาพรวมสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) 3 จังหวัด ประกอบด้วย ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาว่า ที่อยู่อาศัยที่เสนอขายทั้งหมดในตลาดเริ่มลดลงอย่างชัดเจนมาตั้งแต่ปี 2564 ขณะที่การเปิดตัวใหม่ในไตรมาส 3 ถือว่าต่ำที่สุดทั้งก่อนและระหว่างเกิดการแพร่ระบาดของ COVID -19 โดยการเปิดตัวโครงการใหม่จะกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่โซนอุตสาหกรรม ขณะที่อัตราการดูดซับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการขายได้เพิ่มขึ้นของโครงการแนวราบ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮาส์ โดยจำนวนหน่วยเสนอขายทั้งหมดในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ส่วนใหญ่เป็นอาคารชุด ขณะที่จังหวัดระยอง และฉะเชิงเทรา เปิดขายโครงการใหม่ประเภทบ้านจัดสรรเป็นหลัก

ทั้งนี้จากการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยเสนอขายในพื้นที่ 3 จังหวัดช่วงไตรมาส 3 พบว่ามีจำนวน 54,116 ยูนิต ลดลง -9.11% มูลค่ารวม 184,985 บาท ลดลง -9.94% ในจำนวนนี้แบ่งเป็นอาคารชุด 17,998 ยูนิต มูลค่า 77,667 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลง -10.16% และมูลค่าลดลง -13.45% ส่วนบ้านจัดสรรมีจำนวน 36,118 ยูนิต มูลค่า 107,318 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลง -8.57% มูลค่าลดลง  -8.50%

ในจำนวนนี้เป็นโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ 4,117 ยูนิต มูลค่า 12,516 ล้านบาท จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 16.89% แต่มูลค่าลดลง -9.38% โดยโครงการอาคารชุดที่เปิดใหม่เกือบทั้งหมดจะอยู่ในจังหวัดชลบุรี ขณะที่บ้านจัดสรรมีการเปิดตัวโครงการใหม่ในจังหวัดฉะเชิงเทรามากกว่าจังหวัดชลบุรีและระยอง

โดยโครงการอาคารชุดเปิดขายใหม่จะกระจายอยู่ในทำเลย่านนิคมอุตสาหกรรมและพื้นที่ต่อเชื่อม โดย 3 ทำเลที่มีอาคารชุดเสนอขายใหม่มากที่สุด ประกอบด้วย นิคมฯอมตะนคร-บายพาส จำนวน 497 ยูนิต มูลค่า 596  ล้านบาท,บางแสน-หนองมน-บางพระ จำนวน 491 ยูนิต มูลค่า 1,186 ล้านบาท และสัตหีบ-อู่ตะเภา จำนวน 262 ยูนิต มูลค่า 985 ล้านบาท

ส่วนทำเลที่มีโครงการบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่มากที่สุดในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึงในพื้นที่ต่อเชื่อมนิคมอุตสาหกรรม ประกอบด้วย พื้นที่ในเมืองฉะเชิงเทราจำนวน 804 ยูนิต มูลค่า 1,997 ล้านบาท,นิคมฯ สหพัฒน์ -ปิ่นทอง  จำนวน 335 ยูนิต มูลค่า 484 ล้านบาท และนิคมฯอมตะนคร-บายพาส จำนวน 290 ยูนิต มูลค่า 783 ล้านบาท

บ้านจัดสรรขายดีกว่าคอนโดฯ แต่ขายได้น้อยลง

ขณะที่จำนวนที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ในช่วงไตรมาส 3 มีจำนวน 6,740 ยูนิต มูลค่า 21,113 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลง -14.34% มูลค่าลดลง -15.15% แบ่งเป็นโครงการอาคารชุด 1,617 ยูนิต มูลค่า 5,946  ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลง -16.91% มูลค่าลดลง -20.62% บ้านจัดสรร 5,123 ยูนิต มูลค่า 17,389 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลง -13.49% ซึ่งเป็นการขายประเภทบ้านจัดสรรประมาณกว่า 75% ของหน่วยขายทั้งหมดใน 3 จังหวัด EEC

ส่วนอาคารชุดเกือบทั้งหมดขายได้ในจังหวัดชลบุรี ประกอบด้วย ย่านหาดจอมเทียน จำนวน  402 ยูนิต มูลค่า  2,166  ล้านบาท ,ย่านพัทยา-เขาพระตำหนัก จำนวน  269 ยูนิต มูลค่า 1,566 ล้านบาท และย่านนิคมฯอมตะ-บายพาส จำนวน  236 ยูนิต มูลค่า 287 ล้านบาท

สต็อกสินค้าเหลือขาย 4.7 หมื่นยูนิต บ้านจัดสรรเหลือขายมากสุดกว่า3หมื่นยูนิต

ส่วนจำนวนหน่วยเหลือขาย ณ สิ้นไตรมาส 3 มีจำนวน 47,376 ยูนิต มูลค่า 163,872 ล้านบาท แบ่งเป็นอาคารชุด 16,381 ยูนิต มูลค่า 71,720 ล้านบาท บ้านจัดสรร 30,995 ยูนิต มูลค่า 92,151 ล้านบาท  โดยทำเลที่มีที่อาคารชุดเหลือขายมากที่สุด ประกอบด้วย หาดจอมเทียนจำนวน 5,742 ยูนิต มูลค่า 29,066 ล้านบาท,พัทยา-เขาพระตำหนัก จำนวน 4,287 หน่วย  มูลค่า 24,552 ล้านบาท และย่านแหลมฉบัง จำนวน 1,564 หน่วย มูลค่า 2,797 ล้านบาท

ขณะที่โครงการบ้านจัดสรรที่ยังมีหน่วยเหลือขายสูงสุด ประกอบด้วย ย่านนิคมฯอมตะซิตี้-อีสเทิร์น  จำนวน 5,247 หน่วย มูลค่า 10,546 ล้านบาท,นิคมฯพานทอง-พนัสนิคม จำนวน 2.339 หน่วย  มูลค่า 5,454 ล้านบาท และนิคมฯเหมราช จำนวน  2,274 หน่วย มูลค่า 5,682  ล้านบาท

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*