สมาร์ทคอนกรีตโอดตลาดอิฐมวลเบาในประเทศยังชะลอตัว เหตุงานภาครัฐล่าช้า เอกชนเร่งระบายสต๊อกเก่ามากกว่าผุดโครงการใหม่ เชื่อปี61แนวโน้มตลาดฟื้นตัวโตขึ้น พร้อมปรับกลยุทธ์บุกตลาด CLMV เพิ่มสัดส่วนรายได้ส่งออกที่ 2-3% ขณะที่ตลาดในประเทศเน้นขายรายย่อย สถาปนิก ผู้รับเหมา รุกสินค้าผ่านตลาดออนไลน์พร้อมจัดกิจกรรมแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ อิฐมวลเบาสำหรับงานโครงสร้าง และ บล็อกตกแต่ง ตั้งเป้ารายได้ปี 60 โต 5%

นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน)  หรือ SMART  ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอิฐมวลเบาในประเทศว่ายังคงชะลอตัว เนื่องจากงานภาครัฐมีความล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ และภาคเอกชนยังไม่ค่อยมีการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยใหม่มากนัก เพราะผู้ประกอบการจะเน้นในเรื่องการเร่งยอดขายจากโครงการเดิมที่มีอยู่มากกว่า  ส่งผลให้ความต้องการใช้อิฐมวลเบาอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามตลาดอิฐมวลเบาได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วในช่วงไตรมาส 2ที่ผ่านมา แม้ตลาดโดยรวมในขณะนี้ยังไม่คึกคัก แต่มั่นใจว่าภาพรวมตลาดจะไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากเห็นสัญญาณของโครงการใหม่ๆที่เริ่มมีการลงทุน รวมไปถึงโครงการเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐที่เริ่มทยอยอนุมัติ ทำให้เชื่อว่าแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังตลาดจะปรับตัวดีขึ้น และมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นในปี2561 จากมูลค่าตลาดรวมอิฐมวลเบาในปัจจุบันอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท

ทั้งนี้เพื่อเป็นเร่งยอดขายในปี2560 ให้มีอัตราการเติบโตอย่างน้อย 5บริษัทจึงได้ปรับกลยุทธ์ ด้วยการรุกขยายตลาดในกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม(CLMV)มากขึ้น  ซึ่งปัจจุบันได้นำผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่ายในสปป.ลาวและกัมพูชา ปรากฏว่ามีกระแสตอบรับที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่เข้าไปจำหน่ายสินค้าในปี 2558 มีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายใน 2 ประเทศดังกล่าวให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆมากขึ้น รวมไปถึงการทำตลาดเชิงรุก ด้วยการให้ความรู้ด้านคุณภาพการใช้งาน คุณสมบัติผลิตภัณฑ์ กับกลุ่มผู้ประกอบการด้านก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศปีนี้ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 2-3 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเพียง 1% เท่านั้น โดยทั้ง ประเทศอยู่ระหว่างพัฒนาประเทศมีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่เกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งบริษัทตั้งเป้าภายใน ปีสัดส่วนการส่งออกจะเพิ่มเป็น 5%

สำหรับตลาดในประเทศบริษัทเน้นเจาะกลุ่มลูกค้ารายย่อย ผู้ออกแบบ ผู้รับเหมาก่อสร้างมากขึ้น เพราะมีความต้องการใช้งานอย่างต่อเนื่อง โดยมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่ม”งานโครงสร้าง” และ “บล็อกตกแต่ง” ที่มีลวดลายรูปแบบต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการกลุ่มลูกค้าแบบครบวงจร โดยในช่วงที่ผ่านมาได้แนะนำสินค้าผ่านเฟซบุ๊ค ซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดีมาก มีการจัดกิจกรรมการตลาดเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าว อาทิ การออกบูธแนะนำผลิตภัณฑ์ การใช้สื่อออนไลน์สื่อสารกับกลุ่มลูกค้า การแนะนำผลิตภัณฑ์กับกลุ่มผู้ใช้โดยตรง ซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดี เริ่มมีคำสั่งซื้อจากโครงการในภาคตะวันออก กลุ่มลูกค้าสถาปนิก และผู้รับเหมารายย่อยมากขึ้น อีกทั้งยังศึกษาพัฒนาช่องทางขายใหม่ๆ เพื่อรองรับกับพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคในปัจจุบัน และกระจายสินค้าให้กับกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ โดยคาดหวังยอดขายในปี2560 นี้จะมีอัตราการเติบโตอย่างน้อย 5จากปี2559 ที่ผ่านมาที่มีรายได้รวมที่ประมาณ 312.80 ล้านบาท