สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เผยตลาดรับสร้างบ้านส่งสัญญาณฟื้นตัวในไตรมาส 2/2567 จากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯของภาครัฐ สร้างบ้านลดภาษี “ล้านละหมื่น” ส่งผลดีต่อทั้งกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกัน มองน่านน้ำใหม่เจาะตลาดรีโนเวท เสริมทัพปั้นยอดสร้างบ้านโต 

นายวรวุฒิ กาญจนกูล กรรมการกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA : Home Builder Association) กล่าวว่า จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีมติให้เห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 จะส่งผลให้ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ และตลาดรับสร้างบ้านในไตรมาส 2 ปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นจากแรงกระตุ้นของมาตรการภาครัฐ นับเป็นครั้งแรกของตลาดรับสร้างบ้านที่ได้รับมาตรลดหย่อนภาษีปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง โดยมาตรการ “สร้างบ้านลดหย่อนภาษี ล้านละหมื่น” เป็นการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ปลูกสร้างบ้านขึ้นใหม่ ไม่เกินหนึ่งหลังตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างบ้านที่บริษัทรับสร้างบ้านได้เสียอากรแสตมป์ โดยวิธีการชำระอากรผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Online) ไว้กับสรรพากร โดยต้องเซ็นสัญญาและเริ่มก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 09 เมษายน 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ค่าก่อสร้างตามสัญญาจะเป็นเท่าไรก็ได้ แต่ผู้บริโภคจะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ล้านละหนึ่งหมื่นบาท แต่ไม่เกินหนึ่งแสนบาท ตามที่จ่ายจริง ดูจากใบกำกับภาษีที่ได้รับจากบริษัทรับสร้างบ้าน โดยผู้บริโภคจะได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีในปีภาษีถัดไป จากปีที่ก่อสร้างบ้านแล้วเสร็จ

สำหรับข้อดีของมาตรการสร้างบ้านลดหย่อนภาษี “ล้านละหมื่น” จะส่งผลดีต่อ

“ผู้บริโภค” ที่วางแผนปลูกสร้างบ้านบนที่ดินตัวเองจะสามารถลดภาระลง โดยสามารถนำเงินที่ว่าจ้างก่อสร้างมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งจะช่วยให้ตัดสินใจเร็วขึ้น จากเดิมที่มีบางส่วนชะลอการตัดสินใจไปเนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ

“ร้านค้า บริษัทวัสดุก่อสร้าง” กับยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากภาพรวมของยอดสั่งสร้างบ้านที่มีแนวโน้มจะขยายตัวดีขึ้น

“ภาษีเข้ารัฐ” การนำเงินจ้างก่อสร้างที่อยู่อาศัยมาลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในจำนวนล้านละ 10,000 บาทและโดยรวมไม่เกิน 100,000 บาท ส่งผลดีต่อการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐ จาก VAT 7% ทั้งในรูปแบบของการซื้อวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ และผู้รับจ้างสร้างบ้าน เป็นต้น

อย่างไรก็ดี การมองหาตลาดใหม่ กำลังซื้อกลุ่มใหม่ เข้ามาเสริมฐานลูกค้าเดิมแล้วนั้น แนวทางที่น่าสนใจอีกทางหนึ่ง คือ “ตลาดรีโนเวท” ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และกระจายอยู่ในหลายทำเล ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ข้อดีของการรับงานรีโนเวท อยู่ที่ไม่ใช้งบลงทุนเยอะ ทำเสร็จเร็ว เก็บเงินได้เร็ว ช่วยหารายได้เข้าบริษัทได้อีกทางหนึ่ง และมีแนวโน้มขยายตัวได้อีกมากตามดีมานด์ของตลาดบ้านมือสอง

นอกจากกลยุทธ์ทางการตลาดแล้ว อีกปัจจัยสำคัญของธุรกิจรับสร้างบ้าน ก็คือต้นทุน ที่ควรดำเนินการอย่างรัดกุม โดยเฉพาะคอนกรีตและเหล็ก ที่ปรับราคาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสวนทางกับแรงงานที่วันนี้มีเพียงพอต่อการรับยอดสั่งสร้างบ้านที่เพิ่มขึ้น

“ราคาน้ำมันสูงขึ้น วัสดุเหล็กเส้นปรับราคา ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ธุรกิจต้องรับมือให้ได้ โดยเฉพาะต้นทุนวัสดุก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้น เหล็กขึ้นราคาไปแล้ว 5-10% ซึ่งบริษัทรับสร้างบ้านพยายามรักษาระดับราคาเดิมเอาไว้ ไม่ปรับขึ้น แม้จะมีปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนสร้างบ้านเพิ่มขึ้นก็ตาม” นายวรวุฒิ กล่าว

สุดท้ายนี้ นายวรวุฒิ กล่าวว่า มาตรการภาครัฐ ออกมากระตุ้นช่วยให้เศรษฐกิจ ธุรกิจเอกชน และผู้บริโภคให้เกิดความเชื่อมั่น ซึ่งดำเนินการไปพร้อมกันกับการเสริมกลยุทธ์การตลาดและส่งเสริมการขายของสมาคมฯ นับเป็น 2 ตัวเร่งที่ส่งผลให้ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในไตรมาส 2 รวมถึงอีก 2 ไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 ขยายตัวเกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*