ภายหลังจากบริษัทพฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน)เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและมีนโยบายการกระจายการลงทุนและหาโอกาสในการดำเนินธุรกิจใหม่เพิ่มเติมจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง ((Recurring Income) สำหรับการลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาล (Healthcare Business)ตามที่แจ้งสารสนเทศต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติ ในการประชุมครั้งที่2/2560 เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 อนุมัติการลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาลและศูนย์บริการสุขภาพ โดยมีการดำเนินการผ่าน 2 บริษัท (1) บริษัท โรงพยาบาลวิมุตติ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจลงทนในบริษัทอื่น ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 ได้ลงทุนในบริษัท วิมุตติ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (2) บริษัท โรงพยาบาลวิมุตติ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งประกอบกิจการโรงพยาบาลเอกชน สถานพยาบาลและรักษาคนไข้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการวางแผนธุรกิจ คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2563 เป็นต้นไป
อนึ่ง การลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาลและศูนย์บริการสุขภาพ ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 4 ไร่ จำนวนเตียง 250 เตียงมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 4,900 ล้านบาท
ดังนั้น สำหรับไตรมาส 1/2560 รายได้และผลการดำเนินการยังมาจากกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักตามที่ได้แจ้งไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯดังนี้
ยอดขาย2คอนโดฯใหม่หนุนยอดขายรวมเพิ่ม35.6%
เปรียบเทียบยอดขายสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 และ 2559 แบ่งตามผลิตภัณฑ์ดังนี้ โดยยอดขายห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียมในไตรมาส1/2560อยู่ที่ 5,943ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4,017 ล้านบาทหรือคิดเป็น 208.6%เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส1/2559ที่มียอดขาย 1,926 ล้าบาท ขณะที่ยอดขายกลุ่มสินค้าประเภททาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวนั้นลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กล่าวคือ ทาวน์เฮ้าส์ในไตรมาส1/2560 อยู่ที่ 5,146 ล้านบาทลดลง 181 ล้านบาทหรือลดลงประมาณ 3.4%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2559ที่มียอดขายอยู่ที่ 5,327 ล้านบาท ส่วนสินค้ากลุ่มบานเดี่ยวนั้นมียอดในช่วงไตรมาส1/2560 อยู่ที่ 2,214 ล้านบาทหรือลดลงประมาณ 303 ล้านบาทหรือลดลงประมาณ 12.1%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายอยู่ที่ 2,517 ล้านบาท
เปรียบเทียบยอดขายสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 และ 2559
จากยอดขายห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียมที่เพิ่มขึ้นมาช่วยหนุนยอดขายจากธุรกิจอสังหาฯรวมในไตรมาส 1/2560อยู่ที่ 13,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,494 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 35.6% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส1/2559 โดยมีการเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการรวมมูลค่า 12,175 ล้านบาท เทียบกับโครงการที่เปิดในไตรมาส1/2559จำนวน 10 โครงการมูลค่าโครงการรวม 7,410 ล้านบาท โดยในปีนี้ยังคงเน้นที่การเปิดโครงการกลุ่มทาวน์เฮ้าส์ 8 โครงการมูลค่ารวม 6,368 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 2 โครงการมูลค่า 1,426 ล้านบาทและโครงการคอนมิเนียม 2 โครงการมูลค่า 4,380 ล้านบาท คือ โครงการเดอะทรี สุขุมวิท 71 เอกมัยและโครงการเดอะ รีเซิร์ฟ ทองหล่อ ซึ่งเป็นโครงการใหม่ของกลุ่มสายพรีเมียมและได้รับผลตอบรับดีมียอดจองเต็ม100%ไม่นาน
เปรียบเทียบผลการดำเนินงานสาหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม2560 และ 2559
หมายเหตุ : อัตราส่วนในงบกำไรขาดทุนแสดงเป็นร้อยละของรายได้รวม ยกเว้นต้นทุนขายอสังหาริมทรัพย์และกำไรขั้นต้นแสดงเป็นร้อยละของรายได้อสังหาริมทรัพย์
รายได้รวมไตรมาส1/2560ลดลง21.5%
สำหรับไตรมาส1/2556บริษัทฯมีรายได้ทั้งหมดมาจากกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ประกอบด้วยรายได้จาการขายอสังหาฯประมาณ8,072 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ18 ล้านบาทรวมรายได้ 8,090 ล้านบาท ลดลงประมาณ 2,212 ล้านบาทหรือลดลง21.5% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส1/2559 ที่มีรายได้อยู่ที่ 10,284 ล้านบาท สามารถแบ่งรายได้ตามผลิตภัณฑ์สำหรับรอบระยะเวลา 3 เดือนประกอบด้วย
หมายเหต:* อื่นๆประกอบด้วยรายได้จาการขายที่ดินและรายได้จากค่าก่อสร้าง
สำหรับต้นทุนการขายอสังหาฯในไตรมาส1/2560 อยู่ที่5,306 ล้านบาทหรือคิดเป็น65.7%ของรายได้จากการขายอสังหาฯ ซึ่งหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 6,905 ล้านบาทคิดเป็น 67.1% ของรายได้จาการขายอสังหาฯการที่ต้นทุนขายลดลงนั้นเป็นผลมาจากการบริหารและควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น
กำไรสุทธิลดลง 45%
ส่วนกำไรขั้นต้น ไตรมาส1/2560 แบ่งตามผลิตภัณฑ์ดังนี้ ทาวน์เฮ้าส์กำไรขั้นต้น 35.3% บ้านเดี่ยว 34.4% และอาคารชุด 31.2% ซึ่งกำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นทั้งทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวขณะอาคารชุดอัตรากำไรขั้นต้นลงดลงเล็กน้องเมื่อเทียบกับไตรมาส1/2559
ด้านกำไรสุทธิไตรมาส1/2560 เท่ากับ 696 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.6% ของรายได้รวม ซึ่งลดลงประมาณ 45 %หรือลดลง 570 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส1/2559 ที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,266 ล้านบาท คิดเป็น 12.3% ของรายได้รวม
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 กลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีโครงการที่เริ่มเปิดขายและดำเนินการอยู่ (Active Project)จำนวน 171 โครงการ มูลค่ารวม 180,128 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ ดังนี้ ทาวน์เฮ้าส์ จำนวน 105 โครงการมูลค่ารวม 81,107 ล้านบาท ,บ้านเดี่ยว จำนวน 42 โครงการมูลค่า 45,837 ล้านบาท และโครงการคอนโดฯจำนวน 24 โครงการ มูลค่ารวม 53,184 ล้านบาท