กลุ่มดี-แลนด์ ทุ่มงบ 6 ล้านบาท เนรมิตพื้นที่ 300 ตารางเมตร ผุด “Co-Working Space” แห่งแรกในจังหวัดสมุทรสาคร ภายใต้ชื่อ “Heart Work Co-Working Space” by Porto Chino”รองรับกลุ่มสตาร์ทอัพ กลุ่มธุรกิจและหน่วยงานราชการในพื้นที่ พร้อมเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.60 คาดมีผู้ใช้บริการ 60-80 ราย/วัน ตั้งเป้ารายได้ 400,000 บาท/เดือน

 


 

นายสุเทพ ปัญญาสาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี-แลนด์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้ดำเนินโครงการ “พอร์โต้ ชิโน่”(Porto Chino) เปิดเผยว่า จากการเติบโตของนักธุรกิจสตาร์ทอัพ (Startup) และกลุ่มฟรีแลนซ์ (Freelance) ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด รวมถึงความยืดหยุ่นในการทำงานยุคดิจิตอล ส่งผลให้ธุรกิจให้เช่าบริการสถานที่ทำงานพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน (Co-Working Space) เติบโตเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากสามารถตอบโจทย์คนรุ่นใหม่และผู้ที่ไม่ชอบความจำเจของการทำงานในออฟฟิศ รวมถึงผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งค่าเช่าและอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน ที่มองหาสถานที่ทำงานหรือสถานที่จัดประชุมที่เสมือนเป็นออฟฟิศในราคาที่จับต้องได้ส่งผลให้ Co-Working Space เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับบรรดากลุ่มสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี ฟรีแลนซ์ และนักศึกษา ที่ต้องการใช้บริการสถานที่ทำงานที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น สัญญาณ Wi-fi, Projector, Printer และห้องประชุม เป็นต้น

 

 

ล่าสุด “พอร์โต้ ชิโน่” ได้ทุ่มงงบประมาณ 6 ล้านบาท ในการปรับปรุงพื้นที่ 300 ตารางเมตร เป็น Co-Working Space แห่งแรกในจังหวัดสมุทรสาคร ภายใต้ชื่อ “Heart Work Co-Working Space” by Porto Chino” เพื่อให้เป็นพื้นที่อิสระในการทำงานและการสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานสำหรับคนรุ่นใหม่ โดยเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ เวลา 08.00-20.00 น.ในเบื้องต้นช่วง 6 เดือนแรก ผู้ที่มาใช้บริการจ่ายเงินเพียง 250 บาทหรือนำใบเสร็จรับเงินที่ใช้จ่ายซื้อสินค้าใน“พอร์โต้ ชิโน่”มูลค่าตั้งแต่ 250 บาทขึ้นไป สามารถใช้บริการในพื้นที่ดังกล่าวได้ตลอดวัน โดยภายในพื้นที่ดังกล่าวจะรองรับผู้มาใช้บริการได้ประมาณ 150 คน

 

นอกจากนี้ภายในพื้นที่ดังกล่าวยังมีห้องประชุมย่อย สำหรับได้ 6 คน ราคาชั่วโมงละ 400 บาท มีจำนวน 4 ห้อง และห้องประชุมขนาดกลางสำหรับ 40-50 คน ราคา 900 บาท/ครึ่งวัน มีรองรับจำนวน 1ห้อง ซึ่งทั้งหมดนี้ได้เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม2560 เป็นต้นไป คาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการหมุนเวียนประมาณ 60-80 ราย/วัน ซึ่งผู้ที่มาใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มธุรกิจต่างๆในจังหวัดสมุทรสาคร  อีกทั้งบริษัทฯจะจัดกิจกรรมทุกๆเดือนๆละ 1 ครั้งภายในพื้นที่ดังกล่าวด้วย โดยรูปแบบการจัดงานแต่ละครั้งจะแตกต่างกันไป ซึ่งจะจัดให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มด้วย

 

 

“บริษัทฯ ได้มีการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคในทำเลมหาชัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบว่ามีหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น พฤติกรรมการใช้งานไลฟ์สไตล์มอลล์ของลูกค้าในปัจจุบันที่ไม่ได้ต้องการให้เป็นเพียงแค่สถานที่รับประทานอาหารหรือช็อปปิ้งแบบทั่วไป  บริษัทฯ จึงได้ปรับปรุงและพัฒนาออกมาเป็น “Heart Work Co-Working Space” by Porto Chinoเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่นและเติมเต็มสิ่งใหม่ๆ ให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์ในการเป็นไอคอนของเมืองมหาชัยไว้อย่างครบถ้วน”นายสุเทพ กล่าว

 

นายสุเทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันภาคธุรกิจและหน่วยงานราชการในจังหวัดสมุทรสาคร ไม่มีห้องประชุมที่เพียงพอ ดังนั้นการที่บริษัทเปิดให้บริการ Co-Working Space แห่งแรกในจังหวัดจะได้รับการตอบรับดี เพราะทุกภาคส่วนมีความต้องการประชุมนอกสถานที่เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในการประชุม สำหรับพื้นที่ส่วนกลางที่รองรับกลุ่มสตาร์ทอัพและฟรีแลนซ์ ที่มีเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจอาหารทะเล อาหารเพื่อสุขภาพและเทคโนโลยีต่างๆ รวมไปถึงกลุ่มGen Y ที่เรียนระดับมหาวิทยาลัยในกทม.แต่มีที่อยู่อาศัยอยู่ในสมุทรสาครค่อนข้างมาก จึงหวังว่าจะสามารถทำให้ทุกคนได้แลกเปลี่ยนธุรกิจกันได้ เพราะไลฟ์สไตล์ของคนในสมุทรสาครนั้นไม่แตกต่างจากคนในกทม.แต่อย่างใด  ประกอบกับค่าบริการก็ถูกกว่าการใช้บริการพื้นที่ในกทม.เป็นจำนวนมาก คาดว่าพื้นที่ดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

 

ทั้งนี้การที่บริษัทฯพัฒนาพื้นที่ Co-Working Space ขึ้นมาเพราะมองว่าพื้นที่ชานเมืองของกทม.ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดดำเนินการ ซึ่งพอร์โต ชิโน่ ถือเป็นแห่งแรกที่ดำเนินการเอง โดยไม่ได้ร่วมกับผู้ดำเนินการด้าน Co-Working Space แต่อย่างใด และการเปิดให้บริการพื้นที่ดังกล่าวก็ไม่เกี่ยวกับการปรับตัวเพื่อรองรับการแข่งขันหลังจากที่เซ็นทรัลพลาซา มหาชัย เปิดให้บริการแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า ในสิ่งที่ลูกค้ามีความต้องการอยู่แล้ว แต่ไม่เคยมีใครดำเนินการมาก่อนมากกว่า โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้จากการให้บริการ Co-Working Space ประมาณ 400,000 บาท/เดือน

 

 

อนึ่ง “พอร์โต้ ชิโน่” เป็นไลฟ์สไตล์มอลล์ เปิดให้บริการมาแล้ว 5 ปี ที่ผ่านมาได้ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท ในการรีโซนนิ่งพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 17,000 ตารางเมตร ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย 12 ฟีเจอร์ใหม่ ซึ่งในส่วนที่ดำเนินการเสร็จแล้วประกอบด้วย 6 โซน ได้แก่ 1. Parking Building อาคารที่จอดรถใหม่เชื่อมเข้าอาคารทุกชั้น สามารถรองรับปริมาณรถเพิ่มขึ้นได้อีกกว่า 40% รวมถึงที่จอดรถสำหรับผู้สูงอายุ และLady Parking 2. Elder Care Drop-off บริการรถเข็นผู้สูงอายุ-รถเข็นเด็ก พร้อมเจ้าหน้าที่คอยดูแล 3. Social Garden พื้นที่สวนสีเขียวซึ่งเป็นจุดนั่งพักทั่วทั้งโครงการ 4. Pet Friendly Yard พื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงและเจ้าของ 5. Uniform สร้างการจดจำภาพลักษณ์ใหม่ด้วยเครื่องแบบทีมงาน รวมถึงการปรับโลโก้ “พอร์โต้ ชิโน่” ให้มีสีสันเพิ่มขึ้น และ 6. Heart Work Co-Working Space by Porto Chino พื้นที่ทำงานและการประชุมรูปแบบใหม่  ส่วนที่ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาจะมีอีก 6 โซน ได้แก่1.Pick-up Service บริการสั่งของและรับโดยไม่ต้องลงจากรถ 2. Afterwork Community แหล่งแฮงค์เอาท์สำหรับผ่อนคลายหลังการทำงานหนัก 3.Pop-up Store พื้นที่ร้านค้าแบบ Pop-up ดีไซน์เก๋ 4. Event Area พื้นที่สำหรับจัดอีเวนต์ด้วยการเพิ่มลวดลายสีเขียวแบบธรรมชาติรอบพื้นที่5.Signage System สื่อสารผ่านป้ายเพดานและผนังกราฟฟิกและจัดโซนเพื่อแบ่งประเภทร้านให้จดจำง่าย และ 6. Kids Play-yard พื้นที่สนามเด็กเล่นขนาดใหญ่พร้อมเครื่องเล่นนานาชนิด ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ทั้ง 12 โซนในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2561 ปัจจุบันมีผู้เช่าพื้นที่ประมาณ 90% ราคาเช่าอยู่ที่ประมาณ 700-1,600 บาท/เดือน