กลุ่ม “ว่องไววิทย์” ชะลอแผนนำแลนด์แบงก์เก่าใจกลางเมืองสมุทรปราการพัฒนาโครงการ หันรุกทำเลใจกลางเมืองผุดคอนโดฯไฮไรส์ ราคา 200,000-300,000 บาท/ตารางเมตร หวังสร้างแบรนด์ อนาคตสนนำตลาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้าน “เดอะ เมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์”ยอดขายพุ่งแล้วกว่า 70% ด้านการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบลูกค้า ด้านไนท์แฟรงค์เผยแนวโน้มทำเลแบริ่ง-สำโรง ยังน่าลงทุน-อยู่อาศัย ราคาสินค้าจับต้องได้ และปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง
นาย เฉลิมชัย ว่องไววิทย์ กรรมการบริหาร บริษัท ว่องไววิทย์ อุตสาหกรรมจักรกล จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่สภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และปัจจัยด้านสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ได้ส่งผลให้กำลังซื้ออสังหาฯลดลงไปอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการหลายรายได้ชะลอแผนการพัฒนาโครงการไปบ้าง และคงรอให้สภาวะเศรษฐกิจโลกและในประเทศดีขึ้นก่อน จึงจะมีการกลับมาพัฒนาโครงการใหม่ต่อไป

อย่างไรก็ตามจากการขยายตัวของเมืองออกไปชานเมืองมากขึ้น  เนื่องจากมีการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคของภาครัฐ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้(แบริ่ง-สมุทรปราการ) ทำให้มีซัพพลายคอนโดฯเกิดขึ้นมาก ส่งผลให้บริษัทฯชะลอแผนการนำที่ดินสะสมจำนวน 15 ไร่ บริเวณสถานีรถไฟฟ้าสมุทรปราการ ออกไปก่อน ซึ่งตามแผนเดิมจะพัฒนาในรูปแบบของคอนโดฯ จำนวนกว่า 3,000 ยูนิต มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท  แต่ล่าสุดได้ปรับแผนที่จะรุกการพัฒนาคอนโดฯย่านใจกลางเมืองมากขึ้น เพื่อสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รับรู้ โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินไว้ 2  ทำเล คือ ทำเลระหว่างอโศก-ทองหล่อ และย่านสวนพลู โดยแต่ละแปลงจะต้องมีที่ดินประมาณ 2-3 ไร่ สามารถพัฒนาคอนโดฯไฮไรส์ ในระดับราคาประมาณ 200,000-300,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งจะคุ้มค่ากับการลงทุน หากที่ดินมีราคาแพงเกินกว่าที่กำหนดก็คงเลือกที่จะไปพัฒนาในทำเลอื่นแทน ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

“การลงทุนในธุรกิจอสังหาฯต้องมองในระยะยาว 5-10 ปี และผู้ประกอบการที่จะมาทำธุรกิจนี้ต้องมีสายป่านที่ยาวพอ เพราะต้องใช้เม็ดเงินในการลงทุนที่สูงมาก ดังนั้นการลงทุนของเราจึงดำเนินการแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่ต้องรีบมากนัก เพราะไม่ได้จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ถ้าหากสามารถสร้างแบรนด์สินค้าของเราให้น่าเชื่อถือได้แล้ว ในอนาคตก็มีแผนที่จะนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯด้วยเช่นกัน”นายเฉลิมชัย กล่าว

สำหรับความคืบหน้า โครงการ เดอะ เมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์” (The Metropolis Samrong Interchange) ซึ่งบริหารงานโดย บริษัท เมโทรโพลิส พรอพเพอร์ตี้ส์ จำกัด ในเครือว่องไววิทย์ฯ ล่าสุดได้สร้างเสร็จสมบูรณ์และทยอยส่งมอบและโอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้าแล้ว ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 70% ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทยประมาณ 60-70% ที่เหลือเป็นลูกค้าชาวต่างชาติ โดยปัจจุบันชาวญี่ปุ่นเริ่มให้ความสนใจเข้ามาซื้อโครงการ “เดอะ เมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์” มากขึ้น เนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าสำโรง สามารถเดินทางเข้าใจกลางเมืองได้อย่างสะดวกสบาย

โครงการ “เดอะ เมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ทั้งหมด 8 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของคอนโดฯ 3 อาคาร สูง 39,30 และ7 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 28-67 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 2.5-6 ล้านบาท ปัจจุบันราคาขายต่อตารางเมตรได้ปรับขึ้นมาที่ 95,000 บาท จากการเปิดการขายในช่วงแรกเมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา ราคาอยู่ที่ประมาณ 75,000 บาท/ตารางเมตร มีจำนวนทั้งสิ้น 1,721 ยูนิต มูลค่าโครงการ 5,600 ล้านบาท

ด้านนายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ทำเลสำโรงเป็นย่านการค้าสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดสมุทรปราการและชานเมืองกรุงเทพมหานครซึ่งมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นด้วยรถไฟฟ้า BTS ส่วนต่อขยาย หรือรถไฟฟ้าสาย สีเขียวใต้ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ สถานีสำโรงเชื่อมต่อการเดินทางเข้าสู่ย่านใจกลางเมืองได้ภายใน 20 นาที และยังเป็นสถานีอินเตอร์เชนจ์กับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สำโรง-ลาดพร้าว ซึ่งทำให้การเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้นในอนาคต

อุปทานของตลาดคอนโดมิเนียมบริเวณสุขุมวิทตอนปลายช่วงสถานีแบริ่ง-สำโรง ณ กลางปี  2562 มีจำนวนอุปทานทั้งสิ้น 19,312 หน่วย โดยในครึ่งปีแรกของปี  2562 มีจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่เพียง 639 หน่วย ซึ่งปีที่แล้วในบริเวณนี้มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่สูงถึง 4,834 หน่วย

ทั้งนี้กลุ่มผู้ซื้อหลักของคอนโดมิเนียมบริเวณนี้เป็นคนไทยซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง บางส่วนซื้อเพื่อเก็บไว้เป็นทรัพย์สินและการลงทุนเนื่องจากระดับราคาขายคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้ยังมีราคาที่จับต้องได้และมีแนวโน้มในการปรับราคาขึ้นในอนาคต จำนวนหน่วยขายของคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้ขายไปได้ทั้งสิ้น 14,679 หน่วย จากจำนวนหน่วยทั้งสิ้น 19,312 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ร้อยละ 76 มีจำนวนหน่วยเหลือขายทั้งสิ้น 4,633 หน่วย อัตราการขายเฉลี่ยต่อปีของคอนโดมิเนียมบริเวณนี้มีอัตราการขายประมาณ 2,400 หน่วยต่อปี

ราคาขาย ณ กลางปี 2562 ของคอนโดมิเนียมบริเวณนี้มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 81,916 บาท/ตารางเมตร โดยมีช่วงราคาอยู่ที่ 67,000 – 110,000 บาท/ตารางเมตร มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีในช่วงระยะเวลา 7 ปี อยู่ในอัตราร้อยละ 6.4 ซึ่งราคาขายของคอนโดมิเนียมบริเวณนี้มีแนวโน้มในการปรับตัวขึ้นอีก เนื่องจากหากเทียบกับราคาขายของคอนโดมิเนียมในบริเวณอุดมสุข ระดับราคาขายของคอนโดมิเนียมในบริเวณนั้นหากเป็นอาคารสูงจะมีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 138,000 บาท/ตารางเมตร

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*