แอสเสท เวิรด์ ฯ เทงบเกือบ 100,000 ล้านบาทลงทุนทั่วประเทศรับเทรนด์ท่องเที่ยวไทยยังโต

ผุดเมกะโปรเจ็กต์ใจกลางพัทยามูลค่า20,000 ล้านบาท

 

แอสเสท เวิรด์ ฯ เทงบลงทุนเกือบ 100,000 ล้านบาท รับแผนลงทุน 5 ปีทั้งในกรุงเทพฯและภูมิภาคหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญ หลังมั่นใจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยที่ 47.6% ล่าสุด ลงนามร่วมกับ แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เตรียมเผยโฉมโครงการมิกซ์ยูสระดับเมกะโปรเจคใหม่ใจกลางพัทยามูลค่าลงทุน 20,000 ล้านบาท และโรงแรมระดับบนในภูเก็ต พร้อมปักธง 3 แบรนด์โรงแรมระดับไอคอน

นางวัลลภา ไตรโสรัส

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสทเวิรด์คอร์ปจำกัด(มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า บริษัทฯได้เตรียมเม็ดเงินลงทุนประมาณ 55,000 ล้านบาท (ลบ.) สำหรับรองรับแผนลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 5 ปี (นับจากปี2563-67) โดยแบ่งเป็นงบซื้อที่ดินประมาณ 25,000 ล้านบาทที่เหลืออีก 30,000 ล้านบาทเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆซึ่งมีทั้งโรงแรมและโครงการมิกซ์ยูสประมาณ 13 โครงการทั้งกรุงเทพและภูมิภาคในหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญเช่นพัทยา, เชียงใหม่, ภูเก็ต และกระบี่ ฯลฯ ซึ่งก็รวมถึงแผนการพัฒนาโครงการเอเชียทีคบนที่ดินริมน้ำเจ้าพระยา20 ไร่จะร่วมมือกับแมริออทฯสร้างโรงแรมมีขนาดห้องพัก 800 ห้องด้วย

ในเร็วๆนี้จะนำเสนอบอร์ดผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติเม็ดเงินรองรับแผนการลงทุนและขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพิ่มเติมอีกประมาณ 45,000-48,000 ล้านบาท ซึ่งรวมแล้วเกือบ 100,000 ล้านบาท โดยเป้าหมายภายในปี2568 บริษัทฯจะมีห้องพักรวม 8,506 ห้องเพิ่มจากปัจจุบันเกือบ 2 เท่า

ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2562 แอสเสท เวิรด์ ฯ ลงนามในสัญญาครั้งสำคัญกับแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อนำ 3 แบรนด์โรงแรมระดับโลกมาสู่พัทยาและภูเก็ต สองเมืองท่องเที่ยวชายทะเลชั้นนำที่ทั่วโลกรู้จักดี ความร่วมมือกับแมริออท นับเป็นก้าวแรกสู่การสร้างสรรค์โครงการที่จะกลายเป็นแลนด์มาร์คใหม่ใจกลางพัทยา ซึ่งประกอบด้วยโรงแรมระดับเวิลด์คลาสสำหรับทั้งนักเดินทางกลุ่มไมซ์และนักท่องเที่ยว และจุดหมายปลายทางของการช้อปปิ้งแห่งใหม่ และนำแนวคิดใหม่ของโรงแรมที่สร้างพลังและแรงบันดาลใจให้ผู้เข้าพักสู่ภูเก็ต ซึ่งพร้อมต้อนรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายครอบคลุม

ผุดเมกะโปรเจ็กต์ใจกลางพัทยามูลค่า20,000 ล้านบาท

สำหรับโครงการที่พัทยานั้น (อยู่ใกล้กับฮาร์ดร็อคโฮเทล พัทยา) พัฒนาภายใต้ชื่อ AWC CENTER PATTAYA  โครงการมิกซ์ยูสใหม่ของบริษัทฯบนที่ดิน 16 ไร่ พัฒนาเป็นอาคารสูง 60 ชั้น เป็นโรงแรมแมริออท 2 แบรนด์ภายในอาคารเดียวกัน คือ แบรนด์โรงแรม เจดับบลิว แมริออท เดอะ พัทยา บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา และโรงแรม พัทยา แมริออท มาร์คีส์ ทั้งสองโรงแรมตั้งอยู่ภายในโครงการมิกซ์ยูสใหม่บนทำเลพัทยากลาง ประกอบด้วยห้องพักรวมกัน 1,298 ห้อง ภัตตาคารและร้านอาหาร 11 แห่ง พร้อมด้วยพื้นที่สำหรับการจัดเลี้ยง ประชุม สัมมนากว่า 10,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ซึ่งบอร์ดบริหารได้อนุมัติงบลงทุนมา 14,000 ล้านบาท แต่จากแผนที่จะขยายโครงการเพิ่มเติมคาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งหมด20,000 ล้านบาท(รวมค่าที่ดิน)ตามแผนเปิดให้บริการเป็นเฟสๆแรกจะเป็นส่วนพื้นที่รีเทลคาดเปิดให้บริการได้ภายใน4 ปีส่วนโรงแรมคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย5 ปี

จุดเด่นโครงการคืออยู่ใจกลางเมืองพัทยาเชื่อมโยงกับการลงทุนของภาครัฐ คือโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินคือ สนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ก็มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการเดินทางและธุรกิจท่องเที่ยวของไทย และโมโนเรลได้ง่าย

กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ โรงแรม เจดับบลิว แมริออท เดอะ พัทยา บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา คือนักเดินทางยุคใหม่ที่เลือกสรร ต้องการที่พักระดับหรูซึ่งมอบบรรยากาศของการพักผ่อนและเติมเต็มทั้งทางกายและจิตใจ ด้วยหลากหลายบริการต่าง ๆ ที่คัดสรรอย่างพิถีพิถันมาไว้ภายในโรงแรม ขณะที่โรงแรมพัทยา แมริออท มาร์คีส์ ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิด Let Your Mind Travel” ของแบรนด์แมริออท เพื่อให้โรงแรมเป็นพื้นที่แห่งการจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ให้แขกผู้เข้าพักจากทั่วโลก     

ส่วนโครงการที่ภูเก็ต บริษัทฯได้ใช้งบประมาณ 800 ล้านบาทเพื่อรีแบรนด์โรงแรมกลางเมืองภูเก็ต ภายใต้ชื่อ โรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์คาดว่าเปิดให้บริการได้ภายใน 2 ปี ประกอบด้วยห้องพัก 248 ห้อง ภัตตาคารและร้านอาหาร 2 แห่ง และพื้นที่จัดประชุมสัมมนากว่า 2,000 ตารางเมตร

“เรามีความเชื่อมั่นในศักยภาพแนวโน้มการเติบโตอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยที่แข็งแกร่ง มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเรายังได้เล็งเห็นถึงศักยภาพที่ดีในระยะยาวของอุตสาหกรรมไมซ์ของไทย ซึ่งมีข้อพิสูจน์ได้จากอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งโดยเฉลี่ยที่ 47.6% ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา”นางวัลลภากล่าว พร้อมกับกล่าวย้ำว่า ทั้งพัทยาและภูเก็ตคือเมืองสำคัญของไทยที่ปัจจุบันได้กลายเป็นสุดยอดจุดหมายปลายทางของทั้งนักท่องเที่ยวและนักเดินทางกลุ่มไมซ์ ด้วยปัจจัยความพร้อมต่าง ๆ ที่ดึงดูดนักเดินทางทั้งสองกลุ่มได้อย่างต่อเนื่อง

การลงนามในสัญญาครั้งนี้ :แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น คือหนึ่งในเจ้าของโรงแรมแบรนด์ในเครือแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนลรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย แปซิฟิค (ยกเว้นประเทศจีน) ด้วยจำนวนห้องพักรวม 4,252 ห้องทั่วประเทศไทย (จากโรงแรมที่เปิดบริการอยู่ 9 แห่ง ห้องพักรวม 3,452 ห้อง และโรงแรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 1 แห่ง ห้องพักรวม 800 ห้อง) การลงนามสัญญาครั้งนี้จะส่งผลให้มีโรงแรมเพิ่ม 3 แห่ง (ในพัทยาและภูเก็ต มีห้องพักรวม 1,546 ห้อง) และส่งผลให้จำนวนนห้องพักรวมเพิ่มขึ้นเป็น 5,820 ห้อง (ซึ่งหากรวมกับโรงแรมในเครือของบริษัททั้งหมด 6,826 ห้อง)  แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่นยังคงเดินหน้าสานต่อความร่วมมือที่มีมาอย่างยาวนานกับแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าด้วยสินทรัพย์ที่มีศักยภาพให้กับทุกคน

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*