เจเอสพีฯ เดินหน้านำโครงการเก่าชะลอเปิดตัว ก่อสร้างใหม่ปี63 จำนวน 15 โครงการ แบ่งเป็นเปิดขาย 7 โครงการทำเลโซนตะวันตกกทม. มูลค่า 5,000 ล้านบาท พร้อมอัดงบซื้อที่ดินใหม่รองรับการพัฒนาอนาคตย่านบางนาสายไหมตั้งเป้ายอดขายรวมปีนี้แตะ 4,200 ล้านบาท
นางกนกพร สาณะวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและการขาย บริษัท เจเอสพี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ JSP เปิดเผยว่า  ภายหลังจากที่นายสงกรานต์ แสงอร่ามรุ่งโรจน์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและการขาย ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวไปเมื่อต้นปี 2563 ที่ผ่านมา เพื่อไปดำเนินธุรกิจส่วนตัว แต่บริษัทฯก็ยังเดินหน้าเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพราะในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ขึ้นมาแต่อย่างใด ดังนั้นแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2563 นี้ จะเป็นการนำ 15 โครงการเดิม ทั้งในกรุงเทพฯปริมณฑล และต่างจังหวัด (บางปะกง .ฉะเชิงเทรา และศรีราชา.ชลบุรี) ที่ชะลอการเปิดตัวไปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา มาก่อสร้างใหม่ โดยแบ่งเป็น 7 โครงการใหม่ที่เปิดการขายในปีนี้  รวมมูลค่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการแนวราบ ในทำเลฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯทั้งหมด

โดยเร่ิมจากการเปิดตัวเจ วิลล่า รัตนาธิเบศร์บางบัวทองตั้งอยู่บนพื้นที่ 29 ไร่เศษ  พัฒนาในรูปแบบของบ้านแฝด 2 ชั้น ขนาด 36-52 ตารางวา ราคา 4.79-8 ล้านบาท จำนวน 182 ยูนิตมูลค่าโครงการกว่า 980 ล้านบาท โดยจะเร่ิมเปิดพรีเซลในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2563 นี้ คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลา 2-3 ปี  และตั้งเป้ายอดขายโครงการดังกล่าวในปีนี้ไว้ที่ 280 ล้านบาท และยอดโอนที่ 198 ล้านบาท

ปัจจุบันภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในย่านจังหวัดนนทบุรียังคงมีอัตราการขยายตัวในช่วงปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยหลักจากการเป็นทำเลที่เป็นส่วนต่อขยายของเมือง มีการคมนาคมที่มีเส้นทางเชื่อมโยงต่างๆ อาทิ รถไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ ทางด่วน และยังเป็นเส้นทางเชื่อมต่อการเดินทางออกไปสู่จังหวัดอื่นๆ เช่น สุพรรณบุรี ปทุมธานี นครปฐม หรือชลบุรีได้อีกด้วย ซึ่งส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในจังหวัดนนทบุรียังคงเติบโตต่อไปได้แม้จะอยู่ในช่วงของสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงทรงตัวนางกนกพร กล่าว

ส่วนในช่วงไตรมาส 2/2563 จะเปิดขายโครงการเจ ซิตี้ ติวานนท์ในรูปแบบของทาวน์โฮมอีกอย่างต่อเนื่อง และในครึ่งปีหลัง 2563 จะเปิดขายในส่วนของอีก 5 โครงการที่เหลือ ซึ่งรวมไปถึงที่ดินบริเวณถนนกัลปพฤกษ์ ใกล้โครงการสำเพ็ง2 ที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาที่จะยกระดับพัฒนาเป็นโครงการแนวราบระดับพรีเมียม  ทั้งนี้มองว่าโครงการแนวราบยังเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตอยู่อย่างต่อเนื่อง จากความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบที่ยังมีอยู่มาก และเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ ทำให้บริษัทเห็นถึงโอกาสในการรุกตลาดแนวราบในปี 2563

ขณะเดียวกันในปีนี้ บริษัทฯจะเริ่มมองหาการซื้อที่ดินในทำเลใหม่ๆเข้ามาเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต หลังจากที่บริษัททยอยพัฒนาโครงการที่เป็นที่ดินในมือของบริษัทฯครบทั้งหมดในปี 2564 โดยที่ดินที่บริษัทฯ สนใจซื้อเพื่อนำมาพัฒนาจะเน้นที่โซนบางนา และสายไหม ซึ่งเป็นทำเลที่เหมาะกับการพัฒนาโครงการแนวราบ และมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบในพื้นที่ดังกล่าวอยู่ค่อนข้างมาก ซึ่งบริษัทจะซื้อที่ดินเข้ามาเพิ่มในปีนี้ 1-2 แปลงพร้อมวางงบซื้อที่ดินไว้ที่ 500-1,000 ล้านบาท

ส่วนความคืบหน้าโครงการสำเพ็ง 2” จะมีการปรับรูปแบบโครงการใหม่ให้มีความทันสมัยมากขึ้น เพื่อดึงดูดให้มีผู้เช่าและผู้ใช้บริการเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯจะพิจารณาขายที่ดินบางส่วนของโครงการไมอามี่ บางปูที่ยังไม่ได้พัฒนาออกไปให้กับผู้ที่สนใจ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ที่สนใจซื้อ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้

อย่างไรก็ตามในปี 2563 นี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 4,200 ล้านบาท หรือเติบโต 50-60% จากปีก่อน และตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 3,500 ล้านบาท สูงขึ้นจากปี 2562 ที่ทำรายได้ประมาณ 2,000  พันล้านบาท โดยที่รายได้ส่วนใหญ่ 98% ยังคงมาจากรายได้จากการขายที่อยู่อาศัย ซึ่งการที่รายได้ในปีนี้เพิ่มขึ้นมาจากการเปิดขายโครงการแนวราบที่สามารถรับรู้รายได้จากการโอนเข้ามาได้ในระยะเวลาที่ไม่นาน ทั่งการขายโครงการแนวราบที่เปิดใหม่และโครงการที่อยู่ในสต๊อก ประกอบกับการทยอยระบายสต๊อกของคอนโดมิเนียมที่บริษัทเหลืออยู่ 2 โครงการ คือ ไมอามี่ บางปู และเจ คอนโด สาทรกัลปพฤกษ์ที่เหลือยู่มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท โดยมีการลดราคาขายและออกแคมเปญการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขาย ทำให้สต๊อกของคอนโดมิเนียมลดลง และสร้างรายได้กลับมาให้กับบริษัท

ขณะที่รายได้จากการเช่าที่มีสัดส่วน 2% ของรายได้รวม มาจากโครงการสำเพ็ง 2 ,โครงการไมอามี่ บางปู ,โครงการเจ ซิตี้ สุขุมวิทแพรกษา และโครงการทิวลิป สแควร์ บริษัทจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการบริหารการเช่าในส่วนของโครงการไมอามี่ บางปู ซึ่งจะมีการนำพันธมิตรรายใหญ่ที่มีความสนใจมาร่วมออกบู๊ธนำสินค้ามาหมุนเวียนจัดงาน และโครงการแพรกษาอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ที่สนใจเข้ามาเช่าพื้นที่ทั้งหมด เพื่อมาพัฒนาต่อเป็นพื้นที่ค้าปลีกอายุสัญญาเช่า 3+3 ปี โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงกลางปี 2563 นี้ ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ที่ดีขึ้นของโครงการให้เช่าที่บริษัทเปิดให้บริการอยู่

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*