นายกำจร ลีประพันธ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส.เอไอฟ. จำกัด บริษัทในเครือสิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)
กล่าวว่า บริษัทได้ทุ่มงบลงทุน 4,000 ล้านบาทสำหรับพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง บนพื้นที่ 1,790 ไร่ ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชีย กม.63 จังหวัดอ่างทอง จัดสรรพื้นที่ภายในแบ่งเป็น 3 เขตอุตสาหกรรม คือ อุตสาหกรรมอาหาร และเขตอุตสาหกรรมทั่วไป โดยช่วงที่ 1 มีพื้นที่ 364.7 ไร่ และช่วงที่ 2 มีพื้นที่ 662.3 ไร่  เขตธุรกิจพื้นที่พาณิชยกรรม  34 ไร่

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สีเขียวและสันทนาการอีก 147 ไร่ โรงไฟฟ้าพื้นที่ 77.4 ไร่ และระบบสาธารณูปโภครวม 215 ไร่ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งโครงการภายในปี  2566

ทั้งนี้บริษัททมองเห็นศักยภาพของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ซึ่งมีศักยภาพสูงในการเติบโต ตามแนวทาง “หนึ่งนิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหาร หนึ่งกลุ่มจังหวัด” ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกอบกับทำเลที่ตั้งที่อยู่ในจังหวัดอ่างทอง ถือเป็นรอยต่อของ 4 จังหวัดคือ ลพบุรี สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา และอ่างทอง ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งวัตถุดิบด้านสินค้าเกษตร จากภาคเหนือและภาคกลางตอนบน สู่ศูนย์กระจายสินค้าเกษตรหลักย่านตลาดไทและตลาดสี่มุมเมือง

พร้อมโครงสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่เพียบพร้อม โดยใช้ไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนร่วมหรือ Co-Generation ซึ่งผลิตไฟฟ้าด้วยกังหันก๊าซและกังหันไอน้ำมาทำงานเป็นระบบร่วมกันจากโรงไฟฟ้า SPP 3 โรง ขนาดกำลังการผลิตรวม 400 เมกกะวัตต์ พร้อมระบบจ่ายไฟฟ้า 22 KV ทำให้ผู้ประกอบการที่เข้ามาตั้งโรงงานในนิคมฯ มีต้นทุนค่าไฟฟ้าต่ำกว่าทั่วไปประมาณ 3  เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังได้รับสิทธิประโยชน์จากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ในการขอใบอนุญาตต่างๆ ผ่านศูนย์ Total solution Center รวมถึงการนำเงินตราต่างประเทศออกนอกราชอาณาจักร และยังได้รับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) อีกด้วย

บริษัท เอส.เอไอฟ. จำกัด เป็นบริษัทย่อยในเครือกลุ่มสิงห์ เอสเตท ที่จัดตั้งขึ้นมาเมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อรองรับการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ล่าสุดช่วงต้นเดือนกันยายน บริษัทเอส.ไอเอฟ.ได้เข้าซื้อและรับโอนหุ้นสามัญ 100% ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทปาร์ค อินดัสตรี จำกัด จากบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ซึ่งปประกอบธุรกิจหลักในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ยังได้เข้าซื้อและรับโอนหุ้นสามัญ 30% ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทบี.กริม.เพาเวอร์ (อ่างทอง)1 จำกัด จากกลุ่ม Whitefords United Pte.Ltd. ที่ประกอบธุรกิจหลักในการพัฒนาโรงงานไฟฟ้า รวมถึงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานความร้อนและไอน้ำ

รวมทั้งได้เข้าซื้อสิทธิในการจองหุ้นสามัญที่มีมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 30%ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทบี.กริม.เพาเวอร์ (ราชบุรี) 1 จำกัด และบริษัทบี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 3 จำกัด จากบริษัท  Prime Harvestment Ltd ซึ่งประกอบธุรกิจหลักในการพัฒนาโรงไฟฟ้า รวมถึงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมและไอน้ำ

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*