“พีดีเฮ้าส์” ชิงแชร์ลูกค้าสร้างบ้านเองในพื้นที่กทม.-ปริมณฑล โชว์ผลงาน 9 เดือนแรกโกยยอดขายทะลุ 900 ล้านบาท หวั่นผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม ต้นทุนวัสดุพุ่งในช่วงไตรมาส 4 นี้จะฉุดกำลังซื้อชะลอตัว พร้อมลุยเปิดสาขา 28 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มั่นใจสิ้นปีนี้กวาดยอดขายทุกสาขาทะลุ 1.2 พันล้านบาท


นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด
หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามีการแข่งขันกันสูงมาก สวนทางกับกำลังซื้อผู้บริโภคที่ฟื้นตัวแบบช้า ๆ ขณะที่ต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้างและค่าแรงปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้บริษัทต้องปรับตัวเพื่อสามารถรับมือกับต้นทุนที่ผันผวนและสถานการณ์แข่งขันที่เกิดขึ้น ทั้งด้านการบริหารจัดการ กระบวนการก่อสร้าง และการบริการลูกค้าที่ครบวงจร ภายใต้แนวคิด “บ้านอนุรักษ์พลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ส่งผลให้ยอดขายบ้านในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมายังคงเติบโตต่อเนื่อง ทำยอดขายรวมได้กว่า 900 ล้านบาท

โดยกลุ่มลูกค้าที่สร้างบ้านเองราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทได้รับความนิยมสูงสุด คิดเป็น 53% รองลงมาเป็นบ้านกลุ่มราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป-10 ล้านบาท คิดเป็น 32%  และบ้านกลุ่มราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปอีก 15% ส่วนกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการสร้างบ้านส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักธุรกิจในพื้นที่ แพทย์ พยาบาล ข้าราชการ รวมถึงชาวต่างชาติและคนไทยในต่างประเทศ ที่ต้องการกลับมาสร้างบ้านและใช้ชีวิตหลังเกษียณในเมืองไทย“จุดขายของกลุ่มพีดีเฮ้าส์คือ การสร้างบ้านประหยัดพลังงาน บ้านสุขภาพ และบ้านผู้สูงอายุ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่หันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล บริษัทสามารถแชร์ส่วนแบ่งลูกค้าเป้าหมายจากตลาดได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะบ้านกลุ่มราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท กำลังซื้อและความต้องการกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง”

นอกจากนี้การขยายสาขาไปต่างจังหวัด ถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงและอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้เป็นอย่างดี ล่าสุดได้เปิดศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ สาขาพระนครศรีอยุธยา สาขาที่ 28สำหรับทิศทางของตลาดรับสร้างบ้านในไตรมาสสุดท้ายปี 2565 นี้ บริษัทประเมินว่าความต้องการปลูกสร้างบ้านเองยังมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นกว่าไตรมาสที่ผ่านมา เพราะผู้บริโภคนิยมเลือกช่วงเวลาหลังสิ้นสุดฤดูฝนในการปลูกสร้างบ้านหลังใหม่ สังเกตได้จากลูกค้าที่ชะลอการตัดสินใจก่อนหน้านี้ เริ่มกลับมาเจรจากันใหม่และสรุปตกลงปลูกสร้างบ้าน แต่ผลกระทบจากจากภัยธรรมชาติหรือปัญหาน้ำท่วมในหลาย ๆ พื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงการปรับราคาของวัสดุก่อสร้าง คาดว่าจะทำให้ราคาบ้านต้องปรับขึ้นอีก 5-7% อาจกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคในอนาคตได้
ด้านนางสาวถิรพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า กลุ่มพีดีเฮ้าส์ได้ศึกษาและนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้เพื่อเพิ่มความสามารถในการจัดการงานภายในได้อย่างถูกต้องแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถรองรับปริมาณงานและลูกค้าในอนาคตได้มากกว่าเดิมเท่าตัว รวมถึงการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งอุปกรณ์ที่ช่วยดูแลสุขภาพของผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ สามารถช่วยป้องกันฝุ่น PM 2.5 รวมทั้งระบายความชื้นและป้องกันการเกิดเชื้อราได้ โดยจับมือพันธมิตรวัสดุแบรนด์ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศในราคาที่สมเหตุสมผล ทำให้มั่นใจว่าปีนี้จะสามารถแชร์ส่วนแบ่งตลาดรับสร้างบ้านได้เพิ่มมากขึ้น หรือมียอดขายรวมกันทุกสาขากว่า 1,200 ล้านบาท

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*