ออเนอร์ กรุ๊ป ผู้ประกอบการอสังหาฯเมืองพัทยา เสนอรัฐบาลชุดใหม่เปิดกว้างให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในเมืองไทย เพื่อช่วยกระตุ้นเม็ดเงินลงทุนในประเทศไทย พร้อมฝากความหวังผลักดันมาตรการให้ต่างชาติที่มีศักยภาพถือครองที่ดินได้ไม่เกิน 1 ไร่ได้  มั่นใจรัฐบาลเดินหน้าสานต่อแผนพัฒนาภาคตะวันออก เพราะมีศักยภาพสูงทั้งด้านสาธารณูปโภค การลงทุน และการท่องเที่ยว พร้อมดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุน ประกาศแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 5,000 ล้านบาท มีทั้งโรงแรม บ้านจัดสรร และอาคารชุด

นางสาวธิดา เชิดสุริยา ประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือออเนอร์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะผู้ประกอบการที่ลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์อยู่่ในพื้นที่ภาคตะวันออก  อยากเรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่สนับสนุนด้านการตลาดเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักและยอมรับไปทั่วโลก โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่ผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 มาได้เป็นอย่างดีและได้รับการยอมรับจากนานาชาติ รวมทั้งอยากเสนอให้รัฐบาลลดภาษีบางประเภท และการให้ Banafitหรือสิทธิประโยชน์กับชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสามารถซื้อบ้านได้  ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงมหาดไทยเคยนำเสนอมาตรการให้คนต่างชาติสามารถซื้อที่อยู่อาศัยในเมืองไทยได้ไม่เกิน 1 ไร่ แต่ขณะนี้มาตรการดังกล่าวยังไม่ได้มีการประกาศใช้  โดยมุมมองส่วนตัวเชื่อว่าการเปิดโอกาสให้ต่างชาติซื้อที่ดินได้ไม่เกิน 1 ไร่ไม่ใช่การขายประเทศ

เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่เปิดกว้างและสามารถอยู่ร่วมกันกับคนทั่วโลกได้ จึงอยากให้รัฐบาลชุดใหม่เปิดใจและผ่านมติดังกล่าวให้ได้ เพราะจะเกิดผลดีกับประเทศไทยทั้งด้านเงินลงทุนที่ไหลเข้าประเทศและการการจ้างงาน ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากประเทศที่มีรายได้ปายกลางได้อย่างแท้จริง ขณะเดียวกันอยากเสนอให้รัฐบาลผลักดันกฎหมายด้านการเปิดบ่อนกสิโนในประเทศได้

ขณะที่พื้นที่ภาคตะวันอออก ถือเป็นจุดขายของประเทศไทยทั้งด้านการลงทุนและการท่องเที่ยว  เนื่องจากมีความพร้อมด้านระบบสาธารณูปโภคทั้งสนามบิน ท่าเรือ รถไฟความเร็วสูง และพื้นที่ชายทะเล ที่สำคัญรัฐบาลได้เลือกจังหวัดชลบุรีและระยองให้เป็นเมืองท่าที่สำคัญของประเทศและอยู่ใกล้กับเมืองหลวง ทำให้สามารถดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในพื้นที่ได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนชาวจีนที่เข้ามาลงทุนค่อนข้างมาก ทั้งโรงงานรถยนต์และแฟตตอรี

ส่วนด้านการท่องเที่ยวในเมืองพัทยา เริ่มฟื้นตัวมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 ปัจจุบันมีนกท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในเมืองพัทยาประมาณ 80% แล้วเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 คาดว่าอีกประมาณ 2-3 เดือนเมืองพัทยาจะมีนักท่องเที่ยวกลับมาเต็ม 100 %เหมือนเดิม โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวในปัจจุบันมีความหลากหลายด้านเชื้อชาติ มีทั้งรัสเซีย  เวียดนาม อินเดีย เกาหลี ยุโร) และอเมริกา เป็นต้น

ดังนั้นไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนเข้ามาบริหารประเทศก็เชื่อมั่นว่าจะให้ความสำคัญกับการลงทุนในภาคตะวันออกเป็นหลักเพราะได้มีการปูทางด้านสาธารณูปโภคและการลงทุนไว้หมดแล้ว โดยเฉพาะการสานต่อแผนการลงทุนโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินงานก่อสร้างรถไฟความสูงเชื่อม 3 สนามบิน

สำหรับแผนการลงทุนของบริษัทในปีนี้ วางแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 5,000 ล้านบาท มีทั้งโรงแรม บ้านจัดสรร และอาคารชุด ประกอบด้วย โครงการฮิลตัน การ์เด้น  อินน์ มูลค่า 1,500 ล้านบาท เป็นอาคารสูง 29 ชั้น ขนาด 300 ห้อง พร้อมร้านค้าปลีก 6 ร้าน ขนาดพื้นที่รวม 2,000 ตารางเมตร กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2568 โดยโครงการตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับคอนโดฯ Once Pattaya ที่มียอดขายแล้วกว่า 90%และยอดโอนประมาณ 20%

นอกจากนี้ยังมีโครงการบ้านแนวราบ 2 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่จอมทียน เนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ จะพัฒนาเป็นบ้านพักตากอากาศแบบ Pool villa จำนวน 30 ยูนิต ราคาขาย 30 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท และอีกโครงการตั้งอยู่ในพื้นที่มาบประชัน เนื้อที่ 32 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวจำนวน 110 ยูนิต ราคาขาย 8-10 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 700-800 ล้านบาท  ส่วนอีก 2 โครงการเป็นคอนโดฯไฮไรส์ และโรงแรม ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดของโครงการ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*