กลุ่มบริษัทเอ็นริช ผนึกกำลัง “ไซบุแก๊ส”รุกพัฒนาบ้านหรูโครงการที่ 2 “อาร์ค สุขุมวิท 39  ราคา 65-133 ล้านบาท บนทำเลใจกลางสุขุมวิท สุดเอ็กคลูซีฟเพียง 12 ยูนิต สอดรับสัญญาณดีมานด์ตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่พุ่งสูงต่อเนื่อง ยอดสนใจซื้อทะลุกว่า 10 เท่าตัว พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 8-9 ก.ค. 66 นี้ อนาคตสนใจพัฒนาคอนโดฯ ทั้งนี้ขึ้นกับจังหวะโอกาส ด้านกลุ่มพันธมิตรญี่ปุ่นเผยมั่นใจเศรษฐกิจไทยอสังหาฯโตอย่างโดดเด่นมั่นคง ขณะที่ซีบีอาร์อีระบุพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนหันซื้อเพื่ออยู่อาศัยมากกว่าเพื่อลงทุน และใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อมากกว่า 1 วัน
นางสาวสุพิชา ณัฐสุวรรณพล
นางสาวสุพิชา ณัฐสุวรรณพล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารธุรกิจ กลุ่มบริษัทเอ็นริช เปิดเผยถึงทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 ว่า มีแนวโน้มการเติบโตได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าลักชัวรี่ขึ้นไปที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ยังพบว่ามีความต้องการซื้อบ้านอย่างต่อเนื่อง และเป็นกลุ่มที่มาแรงในปีนี้ แต่การพัฒนาโครงการต้องตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในเรื่องของทำเล คุณภาพ งานดีไซน์ และฟังก์ชันการใช้งาน

โดยที่ผ่านมาจากประสบการณ์ที่ทางเอ็นริชได้ร่วมทุนกับ บริษัท ไซบุแก๊ส โฮลดิ้ง จำกัด (Saibu Gas Holdings Co.,Ltd.) ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก่อตั้งมานานกว่า 90 ปี ที่เลือกลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับคุณภาพทั่วโลก พัฒนาโครงการ “เดอะมาร์ค เอ็กซ์ควิซิท ราชพฤกษ์-จรัญสนิทวงศ์” บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ ราคาเริ่มต้น 30 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง สามารถปิดโครงการได้ในเวลาอันรวดเร็ว แม้เปิดตัวในช่วงโควิด-19 ก็ตาม เป็นผลมาจากการออกแบบพื้นที่ใช้สอยในบ้านตอบโจทย์กับการใช้งานจริง ควบคู่กับการการออกแบบทางสถาปัตยกรรมที่สวยงาม รวมถึงยังผสานแนวคิดการจัดบ้านแบบ“คอนมาริ” ในสไตล์ มาริเอะ คอนโดะ ร่วมกับตัวแทนที่ปรึกษาระดับมาสเตอร์อีกด้วย

ทั้งนี้ทางไซบุแก๊สฯยังมีแผนเดินหน้าร่วมทุนพัฒนาโครงการกับกลุ่มเอ็นริชฯอย่างต่อเนื่อง เพราะมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่าประเทศไทย อีกทั้งยังแนะนำซัพพลายเออร์วัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพจากญี่ปุ่นนำเข้าสินค้ามาใช้ในโครงการที่พัฒนาด้วย รวมไปถึงเอ็นริชฯก็ยังมีแผนพัฒนาโครงการที่ดำเนินการเอง 100% ด้วย ขณะนี้มีเจ้าของที่ดินหลายรายนำที่ดินทั้งในกทม.และหัวเมืองท่องเที่ยว นำมาเสนอขาย  รวมไปถึงยังให้ความสนใจพัฒนาคอนโดฯในอนาคตด้วยเช่นกัน ซึ่งจะพัฒนาทำเลไหน และรูปแบบใด คงต้องขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส จึงยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ในขณะนี้
นางสาวสุพิชา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความสำเร็จในการพัฒนาโครงการต่างๆ ที่ผ่านมารวมแล้วเกือบ 10 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท  และข้อมูล Inside ของกลุ่มลูกค้าลักชัวรี่ บริษัทฯจึงเดินหน้าร่วมทุนกับกลุ่มบริษัทไซบุแก๊ส ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยโครงการที่ 2  โครงการ “อาร์ค สุขุมวิท 39” (ARCH Sukhumvit 39) บ้านระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า ที่มองหาที่อยู่อาศัยในทำเลซีบีดี  ซึ่งโครงการตั้งอยู่บนทำเลที่ดีบนถนนสุขุมวิทและปัจจุบันหาที่ดินมาพัฒนาโครงการได้ยากมาก สวนทางกับความต้องการอยู่อาศัยที่มีสูง เนื่องจากเป็นทำเลมีศักยภาพ มีความสมบูรณ์ของระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และเป็นทำเลใจกลางธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯด้วย

โดยโครงการ “อาร์ค สุขุมวิท 39”  ตั้งอยู่บนพื้นที่ทั้งหมด 2 ไร่ เป็นบ้านสูง 6 ชั้น ขนาดที่ดินตั้งแต่ 42-84 ตารางาวา พื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ 535-829 ตร.ม. ขนาด 4-5 ห้องนอน และที่จอดรถ 4-6 คัน พร้อมลิฟต์ส่วนตัว จำนวน 12 ยูนิต ในราคาเริ่มต้น 65-133 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 835 ล้านบาท โดยมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 8-9 กรกฎาคม 2566 นี้ ขณะนี้มีลูกค้าให้ความสนใจซื้อเป็นตัวเลขมากกว่าจำนวนยูนิตที่ขายถึง 10 เท่าตัว  ด้านการก่อสร้างจะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 4/2566 และแล้วเสร็จในไตรมาส 4/2567

“ในการพัฒนาทุกโครงการ เรายังคงยึดหลักแนวคิด Guiding You to Practical Living คือ ให้ผู้อยู่อาศัย ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้จริงในโครงการของเรา สำหรับโครงการ อาร์ค สุขุมวิท 39 ก็เช่นกัน เราเน้นตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยที่อยู่ในย่านใจกลางเมืองสุขุมวิท นอกจากความสะดวกสบายเรื่องการเดินทาง ซึ่งเป็นความกังวลของคนในย่านนี้แล้ว ยังใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อได้เข้าบ้าน ก็ได้พักผ่อนในบ้านที่มีความเป็นส่วนตัว ใกล้ชิดธรรมชาติ พร้อมด้วยดีไซน์อันมีเอกลักษณ์ ทั้งในแง่พื้นที่ใช้สอยที่เหมาะสม และความสวยงามซึ่งเป็นสิ่งที่คนย่านนี้ให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน” นางสาวสุพิชา กล่าว
นายอนวัช ฉัตรศิริกุล
นายอนวัช ฉัตรศิริกุล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ กลุ่มบริษัทเอ็นริช กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้โครงการของกลุ่มบริษัทฯ ได้รับการตอบรับที่ดี เป็นเพราะมีข้อมูลอินไซต์ของกลุ่มลูกค้าระดับลักชัวรี่ จากการสำรวจตลาด พบว่า กลุ่มลูกค้าระดับลักชัวรี่จะมีความต้องการใน 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 1.ทำเล ต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สามารถเดินทางได้สะดวกสบาย ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน 2.ดีไซน์ พื้นที่ใช้สอยต้องมีขนาดที่เหมาะสม และมีความสวยงาม การออกแบบจากดีไซน์เนอร์ที่มีชื่อเสียง และเป็นที่ยอมรับ การดีไซน์นั้นยังต้องแสดงความเป็นตัวตนของลูกค้าได้อย่างชัดเจน รวมถึงการเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ และการก่อสร้างที่มีคุณภาพสูงด้วย 3.มีความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัย เพราะลูกค้าต้องการพักผ่อนอย่างเต็มที่เมื่อกลับมาที่บ้าน
มร.เคสุเกะ โคจิ
มร.โยชินาริ นุมาโนะ และ มร.เคสุเกะ โคจิ ตัวแทนฝ่ายบริหาร บริษัท ไซบุแก๊ส โฮลดิ้ง จำกัด ร่วมกันกล่าวว่า จากที่ได้ร่วมงานนกับกลุ่มเอ็นริชฯ ที่ผ่านมา ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าเอ็นริชเป็นผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เข้าใจ Inside และความต้องการในการอยู่อาศัยและใช้ชีวิตของลูกค้าเป็นอย่างดี อีกทั้งใส่ใจในการพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์ตรงนั้น ดูได้จากผลตอบรับเป็นอย่างดีในโครงการที่ผ่านมา แม้ว่าธุรกิจอสังหาฯ ในไทยมีการแข่งขันสูง แต่มั่นใจว่ากลุ่มเอ็นริชฯ จะผลักดันให้ตลาดอสังหาฯ ในไทยเติบโตต่อไปได้ และเหตุผลที่ทางกลุ่มไซบุแก๊ส เลือกที่จะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจมาที่อาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทยนั้น เพราะมีการพัฒนาการทางเศรษฐกิจอย่างโดดเด่น มีการเติบโตด้านธุรกิจอสังหาฯ ที่มั่นคง
นางสาวอาทิตยา เกษมลาวัณย์
ขณะที่นางสาวอาทิตยา เกษมลาวัณย์ หัวหน้าแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงการแพร่ะระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดคอนโดฯชะลอตัว แต่ตลาดแนวราบ กลับขายได้อย่างต่อเนื่อง โดยตลาดอสังหาฯเริ่มฟื้นตัวดีในครึ่งปีหลัง 2565 จากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าในปี 2566 นี้ GDP จะอยู่ที่ระดับ 3.6% โดยในไตรมาส 1/2566 ที่ผ่านมา พบว่าตลาดรวมบ้านเดี่ยวทุกระดับราคา มีการเปิดตัวไปถึง 3,200 ยูนิต

สำหรับตลาดบ้านกลุ่มลักชัวรี่ขึ้นไปในกรุงเทพฯชั้นในและชั้นนอก พบว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการเปิดตัวโครงการบ้านใหม่ในกลุ่มลักชัวรีขึ้นไปในช่วงก่อนโควิด-19 (ปี 2560-2562) พบว่ามีการเปิดตัวเฉลี่ย 260 ยูนิตต่อปี ในขณะที่ช่วงที่มีการระบาดโควิด-19 (ปี 2563-2565) ตลาดบ้านระดับลักชัวรี่ขึ้นไปกลับเติบโตสวนกระแส โดยมีการเปิดตัวเฉลี่ย 645 หลังต่อปี หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 132%

เมื่อพิจารณาในด้านความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้พบว่ามีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน  ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ต้องการขยายพื้นที่อยู่อาศัย โดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวมากขึ้น  ส่งผลให้ยอดขายบ้านระดับลักชัวรี่ขึ้นไปโดยรวมในตลาดในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้พุ่งสูงถึง 78% ในขณะที่ยอดขายโดยรวมในปี 2565 อยู่ที่ 68% โดยทำเลที่มียอดขายสูงที่สุด คือ ทำเลใจกลางเมือง มียอดขายสูงถึง 88% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับทำเลอื่น ๆ เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าซัพพลายตลาดบ้านในทำเลนี้มีน้อยมาก เพราะที่ดินมีจำกัด สำหรับราคาที่ดินโดยเฉลี่ยในย่านสุขุมวิทนั้น ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 2-3 ล้านบาท/ตารางวา และมีการปรับขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณ 10% ต่อปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทำเลด้วย

อย่างไรก็ตาม ความต้องการบ้านใจกลางเมืองยังเป็นความต้องการที่มีอยู่อย่างสม่ำเสมอ โดยผลกระทบจากโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้เกิดความต้องการในตลาดและส่งผลให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยมาสู่รูปแบบบ้านเพิ่มมากขึ้น หากเปรียบเทียบโครงการคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ในทำเลสุขุมวิทตอนกลาง ตั้งแต่ย่านอโศกไปจนถึงทองหล่อ จะพบว่ายูนิตขนาดใหญ่ 3 ห้องนอนขึ้นไปจนถึงเพนท์เฮาส์ ลูกค้าจะได้พื้นที่ใช้สอยประมาณ 200-350 ตารางเมตร ที่จอดรถ 3-4 คัน ซึ่งราคาจะอยู่ที่ระดับ 60-130 ล้านบาท ในขณะที่โครงการ “อาร์ค สุขุมวิท 39” ซึ่งถือว่าเป็นโครงการบ้านที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอย่างแท้จริง  ลูกค้าจะได้พื้นที่ใช้สอยที่มากกว่าและตอบโจทย์ทั้งในแง่ของฟังก์ชันที่มากขึ้น รวมไปถึงที่จอดรถที่เตรียมไว้ให้อย่างเพียงพอ พร้อมกรรมสิทธิ์สมบูรณ์ในที่ดิน ทำให้โครงการนี้เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าจับตามอง

“ตลาดบ้านระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ในย่านสุขุมวิทนั้น ที่ผ่านมาลูกค้าจะมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง แต่ซัพพลายมีไม่เพียงพอ เนื่องจากที่ดินที่จะพัฒนาหาได้ยาก ดังนั้นลูกค้าบางส่วนจึงต้องไปหาซื้อคอนโดฯระดับซูเปอร์ลักชัวรี่แทน หรือหากอยากได้บ้านจริงๆก็ต้องไปทำเลชานเมือง ที่ส่วนใหญ่จะพัฒนาทำเลโซนตะวันตกและตะวันออกของกทม. ขณะที่การคาดหวังเรื่องปิดการขายภายในระยะเวลาอันรวดเร็วนั้น คงไม่เป็นภาพเช่นนั้นเหมือนเช่นในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาแล้ว เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยในปัจจุบันเปลี่ยนไป โดยเฉพาะบ้านระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ที่เป็นตลาดของกลุ่ม End User ไม่ใช่ Investor ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และเป็นครอบครัว ซึ่งต้องใช้เวลาในการปรึกษาสมาชิกในครอบครัวก่อนซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการตัดสินใจซื้อมากกว่า 1 วัน” นางสาวอาทิตยา กล่าวในที่สุด

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*