เอสซี แอสเสทฯมั่นใจรายได้ปีนี้ตามเป้า 25,000 ล้านบาท แม้ช่วงไตรมาสแรกจะทำรายได้แค่ 4,673 ล้านบาท เชื่อมั่นปัจจัยบวกการท่องเที่ยวฟื้นตัว ต้นทุนทางการเงินเริ่มคงที่ หวั่นปัจจัยลบการจัดตั้งรัฐบาลใหม่งล่าช้า กระทบความเชื่อมั่นผู้ซื้อ วางแผนตั้งรับไว้พร้อมหากเศรษฐกิจพลิกผัน พร้อมเปิดบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ 95E1 ราคา 100 ล้านบาทขึ้นไปจำนวน 10 ยูนิต

 นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 25,000 ล้านบาท เติบโต 15%จากปีก่อนหน้า ซึ่งมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้จะทำรายได้ต่ำกว่าแผน โดยมีรายได้รวม  4,673 ล้านบาท แต่ในช่วงไตรมาส 2 รายได้กลับมาเพิ่มสูงขึ้น และเชื่อมั่นว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะทำได้มากกว่าช่วงครึ่งปีแรก  จากปัจจัยบวกด้านการท่องเที่ยว ต้นทุนการเงินเริ่มคงที่และมีสัญญาชะตัวลง แต่ขณะที่ปัญหาการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ จะมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค หากมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้เร็วภายในปีนี้ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภคก็จะกลับมา

“หากการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ล่าช้า จะมีผลต่อการอนุมัติเงินงบประมาณปี 2567 ทำให้ไม่มีเงินทุนในการขับเคลื่อนในระบบ และฉุดความเชื่อมั่นของประชาชนให้เกิดความลังเลและชะลอการตัดสินใจซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูง แต่ปัจจัยบวกด้านการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัว จึงเชื่อมั่นว่าตลาดอสังหาฯในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก”

ส่วนนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวันของพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นอันดับ 1ของประเทศ นายณัฐพงศ์ให้ความเห็นว่า ข้อดีของการปรับเพิ่มขึ้นค่าแรง คือ ทำให้รายได้โดยรวมของคนในประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ แต่หลายภาคธุรกิจจะได้รับผลกระทบแน่นอน ดังนั้นจึงควรปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า

ทั้งนี้บริษัทได้เตรียมแผนรองรับกับสภานการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ โดยยังคงขับเคลื่อนการเติบโตด้านรายได้จากการขายสินค้าหลักที่เป็นบ้านและคอนโดมิเนียม และการสร้างรายได้ประจำจากค่าเช่า ดังนั้นหากสถานการณ์ด้านกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง บริษัทก็อาจจะปรับแผนโดยการเลื่อนเปิดตัวโครงการใหม่บางโครงการไปเปิดตัวในปี 2567-2568 แทน แต่ขณะนี้ยังไม่มีการปรับแผนการลงทุนใดๆ

โดยมองว่าตลาดคอนโดมิเนียมเริ่มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง หลังจากช่วงก่อนเกิดโควิดเคยทำยอดขายได้เฉลี่ยปีละ 200,0000-300.000 ล้านบาท และลดลดในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิดเหลือปีละ 70,000-100.000 ล้านบาท ส่วนภาพรวมตลาดคอนโดฯในปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าช่วง 3 ปีที่เกิดการระบาดของโควิด แต่ยังไม่กลับไปเติบโตเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด

ขณะที่บ้านเดี่ยวระดับไฮเอ็นด์ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปยังขายได้ดี จะเห็นได้จากยอดขายโครงการใหม่ของเอสซีฯเติบโตต่อเนื่อง โดยช่วงปลายเดือนนี้จะเปิดตัวบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ แบรนด์ 95E1 ราคา 100 ล้านบาทขึ้นไปถึง 195 ล้านบาทจำนวน 10 ยูนิต  มูลค่าโครงการรวม 1,010 ล้านบาท  ส่วนบ้านระดับราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาทความต้องการซื้อยังมีต่อเนื่อง แต่ผู้ซื้อจะติดปัญหาเรื่องการกู้และขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*