เวสเทิร์น เดคอร์ คอร์ปอเรชั่น เปิดแผนธุรกิจครึ่งปีหลังเพิ่มช่องทางขาย เพื่อกระจายสินค้าไปถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้มากขึ้น ทุ่มงบ 15 ล้านบาทย้ายสาขาภูเก็ตไปทำเลใหม่ เพิ่มพื้นที่ใช้สอย 5 เท่า พร้อมเล็งเปิดแฟล็กชิปสโตร์พื้นที่ขนาดใหญ่ในช่วงปลายปี เดินหน้าสร้างยอดขายทะลุ 1,000 ล้าน เติบโต 25% หลังเห็นสัญญาณบวกตลาดวัสดุตกแต่งพื้นและผนังแนวโน้มสดใสมูลค่าตลาดรวมแตะ 30,000 ล้าน

นายบัณฑิต หิรัญญนิธิวัฒนา ประธานกรรมการบริหาร  บริษัท เวสเทิร์น เดคอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WDC ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัสดุตกแต่งพื้นและผนัง เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังว่า บริษัทจะใช้กลยุทธ์การขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อกระจายสินค้าไปถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้มากขึ้น ทั้งกลุ่มลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์ ผู้รับเหมา นักออกแบบ และลูกค้าทั่วไป (End-user) รวมทั้งเตรียมความพร้อมขยายตลาดต่างประเทศในอนาคตด้วย

สำหรับตลาดภายในประเทศ  ปัจจุบันบริษัทมีช่องทางการจัดจำหน่ายหลักอยู่ 3 ช่องทาง ได้แก่  การค้าส่ง การขายเข้าโครงการ และการค้าปลีก ซึ่งมีโชว์รูมสินค้ารวม 8 สาขา ได้แก่  สาขา Crystal Design Center (CDC), นิมิตใหม่,หาดใหญ่,เชียงใหม่,ภูเก็ต,บางนา,พัทยา และสาขาขอนแก่น ซึ่งในช่วงปลายปีนี้ บริษัทยังมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 1 แห่งในรูปแบบแฟลกชิพสโตร์ ที่มีขนาดใหญ่ประมาณ​ 1,300-1,400 ตารางเมตร

ส่วนสาขาจังหวัดภูเก็ต บริษัทได้ย้ายทำเลใหม่ไปอยู่บนถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9  ซึ่งเป็นไพร์มโลเกชั่น และมีขนาดพื้นที่โชว์รูมใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึง 5 เท่า จากเดิมที่มีขนาดพื้นที่ประมาณ 100 ตารางเมตรเพิ่มเป็น 500 ตารางเมตร ใช้งบลงทุนไปกว่า 15 ล้านบาท เพื่อความต้องการสินค้าของกลุ่มลูกค้าในจังหวัดภูเก็ตและใกล้เคียง ที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด

นอกจากช่องทางการทำตลาดภายในประเทศแล้ว บริษัทยังได้ส่งสินค้าออกไปทำตลาดในต่างประเทศ โดยเริ่มจากประเทศในกลุ่มอาเซียน ซึ่งตามแผนในปีหน้าบริษัทจะโฟกัสการทำตลาดในต่างประเทศเพื่อเพิ่มสัดส่วนการส่งออกให้ได้มากขึ้น  ในรูปแบบการการเข้าไปถือหุ้นหรือการเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตกระเบื้องและวัสดุตกแต่งพื้นและผนังที่มีศักยภาพในการผลิตสินค้าตามมาตรฐานของประเทศในยุโรป

สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะทำยอดขายได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท หรือเติบโต 25%เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเห็นทิศทางเป็นบวกจากช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งสามารถทำยอดขายเติบโตได้ถึง 25% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัว ภาพรวมตลาดมีอัตราการเติบโต 10-12% ขณะที่ภาพรวมตลาดวัสดุตกแต่งพื้นและผนังในปีนี้ มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ในระดับ 30,000 ล้านบาท จากช่วงที่ผ่านมาตลาดหดตัวลงไปเหลือประมาณ 27,000 ล้านบาท

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*