โฮมโปรเผยภาพรวมเศรษฐกิจปี66 หลายภาคอุตสาหกรรม ยังไม่ฟื้นตัว หนี้ครัวเรือนยังสูง การแข่งขันทางธุรกิจดุเดือด มั่นใจรายได้รวมทั้งปียังโต 5-7 % ประกาศนโยบายปี 67 รุกปรับแผนธุรกิจปรับปรุงสินค้าตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ชิงส่วนแบ่งการตลาดคืน ทั้งทุ่มงบลงทุน 5,000-6,000 ล้านบาท เปิดสาขาใหม่อย่างน้อย 5 แห่ง โอดพื้นที่กทม.มีหลายทำเลน่าสนใจ แต่ติดปัญหาเรื่องผังเมือง ล่าสุดทุ่มกว่า 40 ล้าน จัดงานโฮมโปร เอ็กซ์โประหว่างวันที่ 2-10 ..66 นี้ อิมแพ็คเมืองทองธานี พร้อมผนึกกำลังร่วมกับ SCG และร่วมผลิตสินค้ารักษ์โลก ตอบรับเทรนด์ความยั่งยืนสังคมรักษ์โลก พร้อมจำหน่ายสินค้า “Circular Product” ภายในงาน พิเศษสุด! กับสิทธิประโยชน์จัดเต็ม ได้ทั้งส่วนลด + รับเพิ่มรวมสูงสุดถึง 36% สำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตโฮมโปรวีซ่าแพลทินัม ช้อปครบรับเครดิตเงินคืนเข้าโฮมโปรวอลเล็ต รวมสูงสุดกว่า102,500 บาท และยังมีโปรโมชั่นจากบัตรโฮมโปรเฟิร์สช้อยส์ซื้อปีนี้ จ่ายปีหน้าให้สิทธิ์นำสินค้าไปใช้ก่อน 2 เดือน พร้อมผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 12 เดือน เริ่มงวดแรกปี 67 ช้อปเลยห้ามพลาด พร้อมช้อปสบายกระเป๋ากับสินเชื่อHomepay ซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง สมัครง่ายใช้แค่บัตรประชาชน อนุมัติไว ผ่อนง่าย ได้ทุกชิ้น คาดกระตุ้นแรงจับจ่ายปลายปี สร้างยอดขายกว่า300 ล้านบาท
นายวีรพันธ์ อังสุมาลี
นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือHMPRO (โฮมโปร) เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจปี 2566 ว่ากำลังซื้อค่อนข้างอ่อน เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ภาคการเกษตร และ อุตสาหกรรม ค่อนข้างซบเซา สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น ตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับที่สูง ประกอบกับการแข่งขันในธุรกิจรุนแรง มีผู้ประกอบการคู่แข่งเข้ามาแข่งขันในตลาดมากขึ้น มีกลยุทธ์เพิ่มช่องทางการขายผ่านออนไลน์

สำหรับโฮมโปรเองนั้น ในปีนี้ได้ดำเนินการลงทุน 7,000-8,000 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาให้ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งในส่วนของโฮมโปร เปิดเพิ่ม 11 สาขา (สาขาโฮมโปร เปิด 3 สาขา และเมกาโฮม 8 สาขา) ทำให้ ปัจจุบัน โฮมโปรมีสาขารวม 94 สาขาในประเทศไทย และ 7 สาขาในประเทศมาเลเซีย ส่วนเมกาโฮม มีสาขารวม 27 สาขา

อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมจะชะลอตัว แต่ในเรื่องของผลประกอบการโฮมโปร ยังมีการเติบโตได้มากขึ้นกว่าปี 2565 แต่เป็นการเติบโตในสัดส่วนที่ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ จากที่ในปี2566 บริษัทตั้งเติบโตในส่วนของรายได้เติบโต 5-7 % ขณะที่ตัวเลขกำไรคาดว่าจะต่ำกว่าเป้าที่วางไว้เล็กน้อย ซึ่งภาคอีสานที่มีสาขาของโฮมโปร ยอดตกลงประมาณ 8-9% มีเพียงภาคการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น ขณะที่ภาคใต้มีอัตราการเติบโตดี

ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2567 นั้น จากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจน่าจะซึมไปจนถึงช่วงกลางปี และหลังจากนั้น อาจจะต้องมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้ง  เนื่องจากยังมีหลายปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม ล่าสุดเรื่องค่าไฟฟ้า ที่ค่าไฟงวดใหม่ต้นปี 2567 ที่จะปรับจาก 3.99 บาทต่อหน่วย เป็น 4.68 บาทต่อหน่วย ทำให้บริษัทต้องควบคุมค่าใช้จ่ายด้านค่าไฟฟ้าในแต่ละสาขามากขึ้น ขณะเดียวกัน ยังเป็นโอกาสรุกธุรกิจเรื่องพลังงานสะอาด โดยขยายธุรกิจ Home Solar ของบริษัทอีกด้วย ตรงนี้ สินค้าของโฮมโปร เป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ลูกค้าจะได้รับบริการที่ดีและมีประสิทธิภาพต่อเนื่องระยะยาว ทางโฮมโปรมีบริการให้ลูกค้าผ่อน 0% ยาว 60 เดือนช่วยลดภาระให้กับลูกค้า จากเดิมที่ต้องเสียค่าไฟประมาณ 4,000-5,000 บาทต่อเดือน

แม้ปีหน้า เศรษฐกิจยังไม่ดี แต่เราก็วางเป้าหมายเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจร้อยละ 4-5 ซึ่งเราก็มองว่ายังเป็นปีที่มีโอกาส เนื่องจากรัฐบาลได้มีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ ไม่ว่าจะการขับเคลื่อนด้วย นโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และโครงการ e-Refund ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลไทยจัดทำขึ้นเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน โดยให้สิทธิแก่ประชาชนทั่วไปที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป มีรายได้เกิน 7 หมื่นบาทต่อเดือน หรือมีเงินฝากเกิน 5 แสนบาท สามารถลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการซื้อสินค้าและบริการมูลค่าไม่เกิน50,000 บาท ซึ่งเป็นโครงการที่ โฮมโปร น่าจะได้รับประโยชน์ ยิ่งถ้าร้อนมาก สินค้าประเภทพัดลม แอร์ จะมียอดขายที่ดีมาก และเป็นหนึ่งในกลุ่มสินค้าที่สร้างยอดขายให้กับโฮมโปรนายวีรพันธ์ กล่าว

อย่างไรก็ตามในแผนธุรกิจในปี 2567 นั้น โฮมโปรจะมีการปรับแผนธุรกิจให้สอดรับกับสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อในตลาด โดยทีมงานได้จัดแผนงานค่อนข้างมาก เพื่อรับมือเหตุการณ์ที่ต้องเผชิญในข้างหน้า เริ่มจาก การปรับปรุงเรื่องสินค้า(โปรดักส์)ให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น ไม่ใช่ว่าเศรษฐกิจไม่ดีแล้ว ความต้องการจะหยุดลงทันที ยังมีแรงซื้ออยู่ แต่ขนาดของตลาดไม่ได้เติบโตขึ้น ทำให้โฮมโปรต้องหาวิธีเข้าไปช่วงชิงตลาดได้อย่างไรบ้าง เช่น การไปเติมสินค้าที่คิดว่าจะหนุนการเติบโตให้กับโฮมโปร ไม่ว่าจะเป็น สินค้าที่ใช้ภายในครัวเรือน   

นอกจากนี้ ในเรื่องของขยายสาขาใหม่นั้น ปี 2567 นั้น บริษัทฯมีความจำเป็นต้องทำให้สาขาดีขึ้นตลอดเวลา โดยจะใช้งบลงทุนประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท ในการเปิดสาขาใหม่อย่างน้อย 5 แห่ง และบางสาขาจะขยับเข้ามาใกล้เมืองมากขึ้น มีพื้นที่ต่างจังหวัด  และหากทำเลไหนกำลังซื้อดี ขนาดของพื้นที่สาขาใหม่จะใหญ่ขึ้น และหากเศรษฐกิจดี หรือ ได้ทำเลดี จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มได้ โดยในงบรวมดังกล่าว จะมีส่วนของลงทุนปรับปรุงสาขาโฮมโปร และเมกาโฮมรวม 10 สาขาประมาณ 800-1,000 ล้านบาท

ในกรุงเทพฯมีหลายทำเลที่เราสนใจ น่าเปิดสาขา แต่ติดข้อจำกัดในเรื่องของผังเมืองรวมทำให้ไม่สามารถเพิ่มขนาดของสาขาได้ หรือแม้แต่ ที่ดินแปลงในโซนกรุงเทพกรีฑา ไม่สามารถเปิดได้ ติดเรื่องผังเมืองเช่นกันนายวีรพันธ์ กล่าว

สำหรับในเรื่องการเพิ่มยอดใช้จ่ายผ่านบัตรโฮมการ์ดที่มีผู้ถือบัตรอยู่ประมาณ 7 ล้านสมาชิกว่าจะนำข้อมูลที่มีอยู่ มากำหนดในเรื่องเป้าหมายทางการตลาดให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ ทำอย่างไรให้เกิดความต่อเนื่องในการใช้จ่ายผ่านบัตร โดยขณะนี้ยอดซื้อสินค้าต่อบิลอยู่ที่เกือบ 3,000 บาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5%   

นายวีรพันธ์  กล่าวถึงการจัดงานโฮมโปร เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35″ว่า  ทางโฮมโปร ได้ทุ่มงบประมาณกว่า  40 ล้านบาท  จัดมหกรรมช้อปครั้งใหญ่ส่งท้ายปี ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-10 ธันวาคม 2566 นี้ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 9-10 ในคอนเซปต์ช้อปส่งความสุข แบบรักษ์โลกครั้งแรก! ของโฮมโปร ที่ผนึกกำลังกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก SCG เพื่อสร้างสังคมรักษ์โลก ด้วยการเปิดตัวสินค้า “Circular Product” ผลิตภัณฑ์รักษ์โลกที่ผลิตจากวัสดุเหลือใช้ผลิตใหม่ในกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมในการใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่า อาทิ  SHOPPING BAG จากสายรัดพลาสติกขนส่งสินค้า, กล่องSTACKO พลาสติกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ชำรุด, ถุงขยะ จากพลาสติกฟิล์มยืดที่ใช้พันรอบสินค้าและกระเบื้อง TARA ที่มีส่วนผสมของสุขภัณฑ์เก่า และยังคงความครบครันของสินค้าเรื่องบ้านไว้ทุกแผนก และสิทธิพิเศษแบบรักษ์โลก ในแคมเปญแลกเก่าเพื่อโลกใหม่เพียงนำของเก่ามาแลกซื้อของใหม่ในงาน (ที่ร่วมรายการ) รับทั้งส่วนลดและสิทธิผ่อนชำระ โดยคาดว่าในระยะข้างหน้า กลุ่มสินค้า Circular Product จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 2-3 % ได้

ภายในงานมีโปรโมชั่น อาทิ ลูกค้าโฮมการ์ด รับคูปองส่วนลดสูงสุด 1,500 บาท กดปุ๊ป..รับเลยผ่าน HomePro Line Connect พิเศษเมื่อช้อปในงานคู่กับบัตรเครดิตโฮมโปร วีซ่า แพลทินัม ลดและรับเพิ่มรวมสูงสุด 8% พร้อมใช้คะแนนตามเงื่อนไข แลกรับส่วนลด+รับเพิ่ม รวมสูงสุดถึง28% พิเศษสะสมทุกยอดช้อปต่อใบเสร็จ รับทันทีเครดิตเงินคืนเข้าโฮมโปรวอลเล็ต รวมสูงสุดกว่า 102,500 บาท!! (ต่อสมาชิก/ตลอดรายการ/ช้อปได้ถึง 31 ..66 นี้) พร้อมรับจัดเต็มความคุ้มค่าต่อเนื่อง เมื่อช้อปสินค้าทีวี แอร์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า รับส่วนลดเพิ่มสูงสุดอีก 15% ตามเงื่อนไขที่ร่วมรายการ และเมื่อช้อปสินค้าครบ 10,000 บาทขึ้นไป เฉพาะวันจันทร์ศุกร์ รับสิทธิ์แลกซื้อบัตรสตาร์บัคส์ลด 50% และอีกหนึ่งสิทธิพิเศษที่พลาดไม่ได้.. กับโปรโมชั่นจากบัตรโฮมโปรเฟิร์สช้อยส์ซื้อปีนี้ จ่ายปีหน้าบริการรูปแบบใหม่ ให้สิทธิ์ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด12 เดือน เริ่มงวดแรกปี 67 คาดว่าตลอดการจัดงาน 9 วันเต็มจะสร้างยอดขายเพิ่มส่งท้ายปีอีก300 ล้านบาท

“SCG เป็นพันธมิตรธุรกิจ เพื่อสร้างความยั่งยืนร่วมกัน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญ ตั้งแต่ด้านกระดาษSCG Packaging, ด้านผลิตภัณฑ์พลาสติก SCG Chemicals และด้านวัสดุก่อสร้าง SCG Cement Building ทำให้การผสานพลังครั้งนี้ แสดงออกถึงศักยภาพความพร้อมที่จะสร้างการเติบโตร่วมกันทั้งด้านผลิตภัณฑ์ ความยั่งยืน ไปจนถึงร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยี สร้างนวัตกรรมจากขยะพลาสติก ในโครงการถนนพลาสติกรีไซเคิลและสินค้ารีไซเคิลสร้างสรรค์ เพื่อปูทางสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน ภายใต้แนวคิด Circular Economy พร้อมผลักดันเป้าหมาย Net Zero ของประเทศร่วมกันให้สำเร็จ ภายในปี .. 2050 ต่อไปนายวีรพันธ์ กล่าว

โดย Circular Project นี้เริ่มตั้งแต่รวบรวมผลิตภัณฑ์หรืออุปกรณ์เก่าที่ไม่ใช้แล้ว ทำ R&D พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับทุกฝ่ายตั้งแต่กลุ่มลูกค้า, หน่วยงานภายนอก จนถึงภายในองค์กร โดยวัสดุต่างๆ ที่รวบรวมมาจะนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมตามแนวทาง Reduce (ลดใช้วัสดุหรือสารเคมี), Reuse (การนำกลับมาใช้ซ้ำ), Recycled (การใช้วัสดุรีไซเคิลเป็นส่วนประกอบ) และยังปรับเปลี่ยนให้ผลิตภัณฑ์สามารถย่อยสลายได้ (Biodegradable) อีกด้วย อาทิ

ถุง Shopping Bag ผลิตจากพลาสติก PP ซึ่งมีส่วนผสมของเม็ดพลาสติก PCR (Post Consumer Recycled) 30% จากสายรัดพลาสติกที่ได้มาจากการขนส่งสินค้า เพื่อเป็นการลดปริมาณขยะพลาสติกที่อาจไปเป็นส่วนหนึ่งของหลุมฝังกลบ (Landfill)

กล่อง Stacko ที่มีส่วนผสมเม็ดพลาสติก PCR (Post Consumer Recycled) 30% จากเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ชำรุดที่ได้มาจากโครงการแลกเก่าเพื่อโลกใหม่ เป็นการลดใช้เม็ดพลาสติก Virgin ในการผลิต ซึ่งส่งผลโดยตรงกับการช่วยลดใช้ทรัพยากรและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ถุงขยะ มีส่วนผสมเม็ดพลาสติก PCR (Post Consumer Recycled) 30% จากพลาสติกฟิล์มยืดชนิด LLDPE ที่ใช้ในการพันรอบสินค้าเพื่อความปลอดภัยระหว่างการขนส่ง ที่ถูกนำกลับมาเป็นถุงขยะคงคุณสมบัติความแข็งแรงทนทานต่อการฉีกขาด ไม่มีกลิ่นเมื่อเทียบกับถุงขยะทั่วไป

กระเบื้อง TARA ที่มีส่วนผสมของสุขภัณฑ์เก่าที่นำมา recycle เพื่อหลีกเลี่ยงการกำจัดแบบฝังกลบ โดยการแปลงสภาพสุขภัณฑ์เก่าที่ได้จากโครงการแลกเก่าเพื่อโลกใหม่ ให้เป็นกระเบื้องดีไซน์ทันสมัยและมีคุณสมบัติต่าง เทียบเท่ากับกระเบื้องปกติฝ

ความร่วมมือนี้ เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจหลักด้านความยั่งยืน ที่โฮมโปรให้ความสำคัญ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero หรือปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ ในปี ..2050 นี้ นับเป็นก้าวสำคัญ และสอดรับกับปณิธานองค์กร We Make a Better Living เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจ Home Solution and Living Experience ที่สร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับสังคมและชุมชนในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้อย่างยั่งยืนนายวีรพันธ์ กล่าว

ด้าน นายชาตรี เอี่ยมโสภณา ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจีมีการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ ESG 4 Plus ที่มุ่ง Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำย้ำร่วมมือ ยึดหลักเชื่อมั่นและโปร่งใส ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 รวมทั้งมุ่งพัฒนานวัตกรรม โซลูชันตอบเมกะเทรนด์โลก ให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย ปลอดภัย คุ้มค่า และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ตั้งแต่การผลิต การใช้ และวนกลับสู่กระบวนการผลิตเป็นวัตถุดิบใหม่ ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy ทั้งนี้เอสซีจี ยังได้ต่อยอดและขยายแนวคิด Circular Economy ด้วยการขับเคลื่อนความยั่งยืน ร่วมกับพันธมิตรอย่าง โฮมโปร เพื่อเป็นส่วนหนึ่งนำของเสียกลับมาสร้างคุณค่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด และลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ โดยนำสินค้าเก่าที่ไม่ใช้แล้วจากโฮมโปร มาคัดแยกวัสดุแต่ละประเภท เพื่อผลิตเป็นสินค้านำกลับมาใช้ใหม่ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน อาทิสินค้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์กระดาษ มีการรวบรวมกล่องกระดาษลัง นำมารีไซเคิลเป็นกล่องของขวัญหรือ บ้านกระดาษแมว, สินค้ากลุ่มเซรามิค มีการนำสุขภัณฑ์เก่ามารีไซเคิลผลิตเป็นกระเบื้องเซรามิค และ สินค้ากลุ่มพลาสติก มีการนำเม็ดพลาสติกจากแหล่งต่างๆ มา upcycling เป็นถุงช้อปปิ้ง และกล่องพลาสติกต่างๆ ซึ่งวันนี้มีเปิดตัวและจำหน่ายให้กับผู้เข้าร่วมงานที่เป็นสายรักษ์โลก ภายในงานโฮมโปร เอ็กซ์โปครั้งนี้

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*