ออล อินสไปร์ฯ เปิดแผนครึ่งปีหลัง60 โหมผุด 7 โครงการใหม่ 2 เฟสต่อเนื่อง รวมมูลค่า 9,770 ล้านบาท บุกภูเก็ต-รุกแนวราบครั้งแรก เร่งดันยอดขายทั้งปีโตก้าวกระโดด 8,000 ล้านบาท หวังแต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯปี61ตั้งเป้ายอดโอนแตะ 1,300 ล้านบาท

 

 

นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานของบริษัทนับจากนี้จะเน้นการพัฒนาโครงการที่บริษัทมีความชำนาญ โดยเน้นคอนโดฯโลว์ไรส์ในเมืองที่สามารถเดินทางได้สะดวก  ในทำเลในซอยที่ผู้ประกอบการรายใหญ่เข้าไปไม่ถึง โดยที่ตั้งโครงการจะไม่ติดรถไฟฟ้ามาก  เพื่อที่จะสามารถพัฒนาโครงการในราคาที่ไม่แพงมากนัก ที่ส่วนใหญ่จะเป็นดีมานด์จริง และสามารถปล่อยเช่าได้

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง 2560 จะเปิดตัวทั้งหมด 9 โครงการ แบ่งเป็นโครงการใหม่ 7 โครงการและเฟสต่อเนื่อง 2 โครงการ รวมมูลค่า 9,770 ล้านบาท โดยไตรมาส3 จะเปิดตัวก่อน 3 โครงการ รวมมูลค่า 4,500 ล้านบาท ได้แก่

1.โครงการ ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 50 คอนโดมิเนียมสูง  8 ชั้น จำนวน 774 ยูนิต มูลค่า 2,000 ล้านบาท  

2.โครงการดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 71 คอนโดมิเนียมสูง ชั้น จำนวน 672 ยูนิต มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท และ

3.โครงการ ดิ เอ็กเซล รัชดา 17 คอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น จำนวน 230 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท

ซึ่งทั้ง 3 โครงการดังกล่าวจะเปิดการขายพร้อมกันในวันเดียวคือวันที่ 2-3 กันยายน 2560 ดังนั้นทีมฝ่ายขาย อาจจะไม่เพียงพอที่จะรองรับลูกค้า ดังนั้นจึงเปิดขายผ่านระบบออนไลน์ขึ้นมาเป็นครั้งแรก แต่ยังไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอน คาดว่าจะเป็นช่วงปลายเดือนสิงหาคม

ส่วนไตรมาส4 จะเปิดอีก 4 โครงการใหม่และ 2 เฟสต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการคอนโดฯโลว์ไรส์ แบรนด์ ดิ เอ็กเซล ทำเลรัชดา-ห้วยขวาง มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท

 

 

โครงการคอนโดฯโลว์ไรส์ ระดับลักชัวรี่ ที่อ่าวฉลอง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นการเทกโอเวอร์โครงการคอนโดฯโลว์ไรส์ จากผู้ประกอบการรายเล็กจากกทม.ที่เข้าไปพัฒนา โดยเดิมการก่อสร้างคืบหน้าไปได้เพียงส่วนฐานราก ก็ประสบปัญหาทางด้านการเงิน บริษัทจึงเข้าไปซื้อกิจการต่อในตัวเลขหลักร้อยล้านเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา(ประมาณเดือนพฤษภาคม) และได้นำโครงการมาปรับปรุงผังโครงการใหม่ให้มีความทันสมัยมากขึ้น แต่ใช้ใบอนุญาตEIAเดิม  เป็นคอนโดฯแบรนด์ใหม่ สูง 3 ชั้น บนพื้นที่ 6 ไร่   จำนวน 4 อาคาร ขนาด 163-350 ตารางเมตร จำนวน 42 ยูนิต ราคา 20 ล้านบาท มูลค่า 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะมีการดึงเชนเข้ามาบริหารหลังการขาย ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจา

“เป็นช่วงจังหวะที่ดีที่ได้ที่ดินที่จ.ภูเก็ต มาพัฒนา เพราะมองว่าเป็นจังหวัดที่มีลูกค้าระดับพรีเมี่ยมมาก มีห้างสรรพสินค้ารายใหญ่เข้าไปเปิดให้บริการ อีกทั้งสนามบินก็ยังมีการขยายตัวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ส่วนจะใช้แบรนด์ไหนยังไม่สามารถตอบได้”นายธนากร กล่าว

ส่วนอีก 2 โครงการจะเป็นทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น ภายใต้แบรนด์ “เดอะ วิชั่น” ราคา 3.1-4.5 ล้านบาท ใน 2 ทำเล คือย่านนวมินทร์ 85 มูลค่า 1,200 ล้านบาท และเกษตร-นวมินทร์ มูศลค่า 480 ล้านบาท  และโครงการเฟสต่อเนื่อง ในโครงการดิ เอ็กเซล คูคต เฟส2-3 มูลค่าโครงการ 490 ล้านบาท และดิ เอ็กเซล กรูฟ (บางนา) เฟส3 มูลค่า 500 ล้านบาท

“ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทขยายฐานลูกค้าไปจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยว และรุกตลาดแนวราบในกทม.เป็นครั้งแรก โดยในช่วงแรกนี้เราจะเน้นการพัฒนาโครงการใกล้แนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว และสีน้ำเงิน เป็นหลัก เนื่องจากเป็นทำเลที่ดีและมีดีมานด์ ซึ่งมีอัตราการขายที่ดี สามารถตอบโจทย์ทุกๆความต้องการของลูกค้า และไม่กังวลว่าจะมียอดรีเจคมากเพราะมีการกำหนดเงินดาวน์ที่สูงคือเฉลี่ย 15%และคาดว่าภายในระยะเวลา 5 ปีจะมีพอร์ตโครงการแนวราบในสัดส่วน 30%”นายธนากร กล่าว

อย่างไรก็ตามในปี2560 นี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 8,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการโตแบบก้าวกระโดดจากปี 2559 ที่มียอดขายเพียง 1,300 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้มีการเปิดตัวโครงการใหม่เป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับการเติบโตและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในปี2561 สำหรับยอดโอนปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 1,300 ล้านบาท จากปี2559 อยู่ที่ 440 ล้านบาท

อนึ่ง ตั้งแต่ปี2556 ที่ผ่านมาบริษัท ออลล์ อินสไปร์ฯได้พัฒนามาแล้วประมาณ 9 โครงการ รวมประมาณ 2,000 ยูนิต มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 410 ล้านบาท