“ไซมิส แอสเสท” ทุ่ม 3,000 ล้านบาทซื้อที่ดินรับแผนลุยคอนโดฯจ่อเปิดปี2561รวมมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านล่าสุดผนึก “เซกิซุย เคมิคอล” ดึงนวัตกรรมระบบ “โมดูลาร์”ผุดบ้านแบรนด์ใหม่ “ไซมิส คิน”มูลค่า 1,000 ล้านบาท

 

 นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด เปิดเผยว่าในปีนี้บริษัทฯได้ใช้เงินซื้อที่ดินไปประมาณ 3,000 ล้านบาทในการซื้อที่ดิน 3 แปลงเพื่อรองรับแผนการพัฒนาโครงการใหม่ในปี 2561 รวมมูลค่าโครงการกว่า 10,000 ล้านบาท ดังนี้คือแปลงที่1 ย่านสุขุมวิท 87 เพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมจำนวน 350 ยูนิต ขายราคาประมาณ 150,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) แปลงที่2ย่านสุขุมวิท 16  ขนาด 2 ไร่ครึ่ง และแปลงที่3ย่านถนนรัชดาภิเษก(ใกล้กับอาคารโอลิมเปีย) ขนาด 2 ไรครึ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ เบื้องต้นพัฒนาเป็นอาคารสูง 25-30 ชั้นจำนวน 400 ยูนิต กำหนดราคาขาย 200,000 บาทต่อ ตร.ม.

 

ทั้งนี้ในการทำการตลาดคอนโดมิเนียมไซมิสฯจะเน้นทั้งคนซื้ออยู่อาศัยและซื้อเพื่อลงทุนส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชาวต่างชาติ คือ จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง ฯลฯ และล่าสุดได้ขยายไปสู่ตลาดมุมไบ อินเดีย ซึ่งได้ผลตอบรับค่อนข้างดี และก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการบริษัทฯได้ทำการขายไปแล้วล่วงหน้าโดยเฉพาะการขายให้กับลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งในแต่ละโครงการก็จะเต็มโควต้า 49 %

 

สำหรับในปีนี้ แผนการเปิดขายโครงการใหม่เป็นไปตามเป้าหมาย  ซึ่งนอกจากโครงการคอนโดมิเนียมแล้วยังกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบล่าสุดบริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท เซกิซุย เคมิคอล จำกัด บริษัทรับสร้างบ้านระบบโมดูลาร์อันดับหนึ่งจากประเทศญี่ปุ่น พัฒนาแบรนด์ที่อยู่อาศัยใหม่ภายใต้ชื่อ“ไซมิส คิน” ที่อยู่อาศัยแห่งอนาคตภายใต้แนวคิด “สมาร์ท ลิฟวิ่ง” โครงการแรกของประเทศไทย มูลค่า 1,000 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้น 5.8 ล้านบาท

นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ

โครงการ “ไซมิส คิน” เป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ จำนวน 107 ยูนิต ซึ่งมีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ทั้งนี้จะเปิดขายในวันวีไอพีเดย์คือ 11 พฤศจิกายน2560 เป็นวันซอฟต์โอเพ่นนิ่ง และวันที่ 18 พฤศจิกายน2560 จะเป็นวันแกรนด์โอเพ่นนิ่ง

 

สำหรับจุดเด่นของระบบแบบ “โมดูลาร์” จะมีความแข็งแกร่ง ที่ออกแบบโครงเหล็กคุณภาพสูงแบบ Box Ramen Structure Module สามารยืดหยุ่นได้ ช่วยป้องกันภัยแผ่นดินไหวได้สูงสุดที่ 350 แกล หรือ 7 ริกเตอร์ ตามมาตรฐานของ JIS ประเทศญี่ปุ่น

 

ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ามียอดขาย 2,000 ล้านบาท และมีรายได้ที่ 2,000 ล้านบาท ส่วนในปี 2561 ตั้งเป้ามียอดรับรู้รายได้จะอยู่ที่ประมาณ 4,000  ล้านบาท ในปี 2562 ยอดรับรู้รายได้ 4,000-5,000 ล้านบาท และในปี 2563 รายได้จะโตแบบก้าวกระโดดอยู่ที่ประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท เนื่องจากโครงการที่เปิดขายไปก่อนหน้านี้ทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จ ปัจจุบันมียอดขายรอส่งมอบอยู่ประมาณ  9,000 ล้านบาท