“โกลเด้นแลนด์” เดินตามโรดแมปธุรกิจ 5 ปีขึ้นเป็น Top 5 ในปี 2563 ผ่านบันได 5 ขั้นเปิดเกมกินรวบบ้านแนวราบทุกตลาด ทุก Segment ผ่านการสร้าง Node ที่อยู่อาศัย ล่าสุดผุดอาณาจักร”โกลเด้น เอ็มไพร์ บางแค”มูลค่ากว่า 6,100 ล้านบาท  เติมเต็มสินค้า “บ้านแฝด”ราคา 5-6 ล้านบาท แทรกช่องว่างตลาดบ้านเดี่ยว คาดสิ้นปีนี้รับรู้รายได้จากโครงการแนวราบที่ระดับ 16,000 ล้านบา

 

ตั้งเป้าหมายขึ้นเป็น Top 5 ในปี 2563

ปัจจัยหนุนหลักคือ

  • การเติบโตของจำนวนประชากร
  • การสร้างครอบครัวใหม่
  • การย้ายถิ่นฐานการทำงาน

วางแผนธุรกิจ 5 ก้าว เริ่มตั้งแต่ปี 2559-2563 ไว้ดังนี้

  • ก้าวแรก ปี 2559 ต่อขยายความเติบโต (Extending Growth)
  • ก้าวที่ 2 ปี 2560 ควบรวมแต้มต่อทางธุรกิจ (Consolidating Advantage)
  • ก้าวที่ 3 ปี 2561 เพิ่มมูลค่า (Adding Value)
  • ก้าวที่ 4 ปี 2562 เก็บเกี่ยวความสำเร็จ (Harvesting Success)
  • ก้าวที่ 5 ปี 2563 จุดประกายความเติบโตไม่หยุดยั้ง (Recurring Next Growth)

ตั้งเป้าหมายขึ้นเป็น Top 5 ในปี 2563  มีรายได้ 25,000  ล้านบาท ของ บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) หรือ โกลเด้นแลนด์ นั้นเห็นถึงพัฒนาการขึ้นมาเรื่อยๆนับตั้งแต่ปี 2559 ที่ โกลเด้นแลนด์ ประกาศผ่านบันได 5 ขั้นที่ต้องก้าว  โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นที่ 3  เพิ่มมูลค่า (Adding Value) กลยุทธ์นี้ทำให้เห็นแนวโน้มการเพิ่มมูลค่าสร้างแต้มต่อหนุนรายได้เติบโตแข็งแกร่งมากกว่าคู่แข่ง ด้วยแรงหนุนการเติบโตของบ้านแนวราบที่ครอบคลุมทุก Segment และพื้นที่มากขึ้น รวมถึงการเติบโตของุรกิจให้เช่าผ่านการเริ่มต้นโครงการใหม่ สามย่านมิตรทาวน์

** อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >> GOLD จ่อเปิดจองออฟฟิศให้เช่าในโครงการ “สามย่าน มิตรทาวน์ ”คาดสิ้นปี’61 ยอดจอง 30% >> https://prop2morrow.com/2018/03/14/gold

เปิดเกมกินรวบตลาดบ้านแนวราบ….ทุก Segment

การสร้าง Node ที่อยู่อาศัยของโกลเด้นแลนด์เรียกว่า “อาณาจักร” แต่ละอาณาจักรนั้นจะมีความหลากหลายของโปรดักส์ในโครงการย่อย 4- 5 โครงการหวังเก็บลูกค้าหมด ซึ่งนั่นเป็นข้อดีของการทำโครงการขนาดใหญ่แล้วแบ่งการพัฒนาเป็นโครงการย่อยๆในสินค้าที่ต่างกัน ซึ่งการเปิดโครงการใหม่เชิงรุกในรูปแบบดังกล่าวนั้นถือเป็นกินรวบตลาด ด้วยเพราะมองว่ายังมีปัจจัยหนุนหลัก นั่นคือ การเติบโตของจำนวนประชากร ,การสร้างครอบครัวใหม่ และ การย้ายถิ่นฐานการทำงาน เป็นต้น

 

ทุก Segment ในโครงการใหม่ที่เปิดในทุกทำเลในกรุงเทพฯ/ปริมณฑล และต่างจังหวัดที่มีความต้องการสูง ฟังก์ชันบ้านตรงใจลูกค้าและพื้นที่สวนส่วนกลางขนาดใหญ่ นั้นได้ประเดิมสร้างอาณาจักร โกลเด้น เลค โคโม (Golden Lake Como) อ่อนนุช-พัฒนาการ ที่เป็นอาณาจักรบ้านสไตล์อิตาลี อาณาจักรแรกที่ทางโกลเด้นแลนด์พัฒนาเป็นโครงการบ้าน 5 โครงการ บนเนื้อที่ 180 ไร่ จำนวน 1,038 หลัง มูลค่า กว่า 4,000 ล้านบาท ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สามารถปิดโครงการในวันเปิดจองครั้งแรกได้ถึง 2 โครงการ และปิดการขายพร้อมกับส่งมอบให้ลูกค้าทั้งหมดได้ภายใน 2 ปี โครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2558-2559

 

จากนั้นในปี 2560 โกลเด้นแลนด์ ก็ได้มาเปิดอาณาจักร บริติซ อเวนิว (British Avenue) ย่านเกษตรนวมินทร์ พัฒนาเป็นโครงการที่มีความหลากหลาย 5 โครงการในแบบบ้านสไตล์อังกฤษ เนื้อที่รวม 120 ไร่ จำนวนรวม 950 ยูนิต  มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น 3 โครงการ บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว โดยในปี 2560 เปิดตัวไปแล้ว 2 โครงการ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี  และจะเปิดเพิ่มให้ครบทั้ง 5 โครงการในปี 2561 นี้

 

อาณาจักร บริติซ อเวนิว (British Avenue) ย่านเกษตรนวมินทร์ เป็น 1 ใน 3 อาณาจักรใหญ่ทำเลทองใจกลางเมือง “เรือธงด้านรายได้-กำไรใหม่” ของโกลเด้นแลนด์ ที่จะพิชิตเป้าในปีนี้และต่อเนื่องในปีหน้าควบคู่ไปกับ 2 อาณาจักรย่านสาทร-กัลปพฤกษ์   และย่าน บางแคโดยคำนึงถึงปัจจัยที่สำคัญ อาทิ เป็นย่านที่มีกำลังซื้อสูง เป็นแหล่งชุมชน เดินทางสะดวก ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก พัฒนาเป็นโครงการที่มีความหลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม

 

 “โกลเด้น เอ็มไพร์ บางแค” เป็นอาณาจักรใหม่ล่าสุดอาณาจักรที่ 3 ที่เปิดตัวเพื่อสนองทุกความต้องการของผู้ที่ต้องการบ้านในเมือง ในอาณาจักรแห่งนี้ จะมีโครงการบ้าน 4 โครงการ 170 ไร่มูลค่ารวม 6,100 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวในปีนี้ 3 โครงการ บนเนื้อที่รวม 135 ไร่ จำนวน 846 หลัง มูลค่า 4,915 ล้านบาท มีแนวคิดโครงการจากความหรูหราสวยงามของสถาปัตยกรรมสไตล์อิตาลี ที่จะทำให้ โกลเด้น เอ็มไพร์ บางแค เปิดจองในเดือน ก.ค. 2561นี้

 

ผู้บริหารของโกลเด้นแลนด์ มั่นใจอาณาจักร “โกลเด้น เอ็มไพร์ บางแค” ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับ 2 อาณาจักรแรกคือ บริติซ อเวนิว (British Avenue) ย่านเกษตรนวมินทร์ และอาณาจักร โกลเด้น เลค โคโม (Golden Lake Como) อ่อนนุช-พัฒนาการ ผ่านจุดยืน 4 ข้อที่ถือเป็น Key Success  ประกอบด้วย 1. Location 2.แบบบ้านใหม่ Function ครบ3. Facilities ให้ความสำคัญกับการวางผังในทุกโครงการ เน้นการออกแบบทั้งด้านสถาปัตยกรรมและ Landscape   และ 4.ราคาที่ดี ( Price )

 

โดยแต่ละสินค้าจะมีความแตกต่างกันด้านราคา กล่าวคือ

สินค้าบ้านเดี่ยว แบรนด์ แกรนดิโอ (Grandio) ซึ่งนับเป็น แบรนด์ใหม่ได้เปิดตัวเมื่อต้นปี2561เป็นโครงการบ้านหรู ระดับราคา 7 -10 ล้านบาท

สินค้าบ้านเดี่ยวแบรนด์ เดอะแกรนด์ ระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป

สินค้าทาวน์โฮม แบรนด์ โกลเด้น ทาวน์ (Golden Town) ระดับราคา 2-3 ล้านบาท

สินค้าบ้านแฝด แบรนด์ โกลเด้น นีโอ (Golden Neo) ระดับราคา 5-6 ล้านบาท

 

“ ราคาดี ราคาโดนใจ  อีกจุดเด่นของบ้านโกลเด้นแลนด์ คือราคาที่เปรียบเทียบแล้วคุ้มค่ากว่า ทำให้สามารถชนะใจผู้บริโภคได้ ซึ่งหากเปรียบกับคู่แข่งในทำเลเดียวกัน และคู่แข่งให้กับลูกค้าแบบจัดเต็มเหมือนเป๊ะบ้านโกลเด้นแลนด์ เขาจะขายแพงกว่าเรา 10-20 % ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยังสู้ต้นทุนเราไม่ได้ภวรัญชน์ อุดมศิริ กรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาโครงการทาวน์โฮมและบ้านแฝด ของโกลเด้นแลนด์ กล่าวให้ความเห็น

พร้อมกันนี้เขายัง บอกว่า  “ในปี2561นี้เป็นต้นไปเราจะรุกตลาดบ้านแฝดเต็มที่” เพื่อเติมเต็มตลาด เพิ่มโอกาสให้ผู้บริโภค ด้วยเพราะมองว่า “บ้านแฝด” เป็นสินค้าทดแทนบ้านเดี่ยว ตั้งอยู่ในทำเลที่ไม่ไกลจากตัวเมือง ลูกค้ายอมได้บ้านที่เล็กลง มีความเป็นส่วนตัว ราคาที่เหมาะสม “กลุ่มลูกค้าที่มาซื้อบ้านแฝด ก็คือ คนที่ซื้อบ้านเดี่ยวหลังเล็กสุด” คนกลุ่มนี้ระดับรายได้ 40,000-70,000 บาทต่อเดือน

 

การรุกตลาดบ้านแฝดเพิ่มขึ้นในปีนี้ จะทำให้เป้ารายได้เพิ่มเป็น 2,500 ล้านบาท ,ส่วนบ้านเดี่ยว อยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท ที่เหลือเกือบ 10,000 ล้านบาท เป็นบ้านทาวน์โฮม โดยในปี2561ตั้งเป้านยอดรับรู้รายได้แนวราบทั้งหมดกว่า 16,000 ล้านบาท

 

ถึงตรงนี้ หากพิจารณาถึงยุทธศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจของโกลเด้นแลนด์จาก 5 ก้าวสู่เป้าหมายอยู่ 1ใน 5 บริษัทอสังหาฯในตลาด ซึ่งไม่ได้พุ่งเป้าไปยังด้านรายได้ไม่น้อยกว่า 25,000 ล้านบาทในปี 2563 เพียงอย่างเดียว หากแต่รวมถึงต้องเป็นที่เชื่อถือและยอมรับของลุกค้า ผู้ถือหุ้น ซัพพลายเออร์ และพนักงานในบริษัทที่มีความภาคภูมิใจด้วยเช่นกัน ซึ่งเหลือเพียง 2 ก้าวจะถึงเป้าหมาย …!!! ที่จะต้องติดตาม

 

…แต่ที่แน่ๆ ผู้บริหารของ โกลเด้นแลนด์ บอกว่า ยังมีอีก 2 อาณาจักรใหญ่ที่จะเปิดในเดือนก.ค.2561 มูลค่าแต่ละอาณาจักร 4,000-6,000 ล้านบาท และไม่แน่อาจมีบางแห่งมีมูลค่าสูงถึง 8,000 ล้านบาท นี่ยังไม่นับรวมที่จะเปิดในอาณาจักรใหม่รองรับการเติบโตในปี 2562 ที่วันนี้ไล่เก็บที่ดินไวในมือบ้างแล้วในทำเลเก่าและทำเลเป้าหมายใหม่ ย่านร่มเกล้า และ ทำเลรังสิต ไม่เกินคลอง4 หรือไม่เกินวงแหวนรอบนอก ที่ได้ใช้เม็ดเงินในการซื้อที่ดินไปแล้วกว่า 8,500 ล้านบาทจากงบที่ตั้งไว้ 12,000 ล้านบาท