บางกอกซิตี้สมาร์ท ชี้ทำเลเชื่อมต่อคมนาคม “อโศก-เพชรบุรี-พระราม 9” บูม ดันราคาขายคอนโดฯ เฉลี่ยแตะ 175,000-240,000 บาทต่อตร.ม. ขณะที่ตลาดรีเซล ราคาเพิ่ม 8-9 %

 

นายขยล ตันติชาติวัฒน์ ผู้อำนวยการบริษัท บางกอกซิตี้สมาร์ท จำกัด เปิดเผยถึง ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมในทำเลอโศก-เพชรบุรี-พระราม 9 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีโครงการเกิดขึ้นรวมกว่า 19 โครงการ รวมจำนวน 12,874 ยูนิต  แบ่งเป็นโครงการที่เปิดตัวตามแนวถนนเส้นหลักตั้งแต่แยกอโศกจนถึงแยกอโศก-เพชรบุรี จำนวน 9 โครงการจำนวน 3,463 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 240,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) มียอดขายรวมคิดเป็น 82% ที่เหลืออยู่ในทำเลแยกอโศกเพชรบุรี-สถานีศูนย์วัฒนธรรม จำนวน 10 โครงการ จำนวน 9,411 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 175,000 บาทต่อตร.ม. มียอดขายรวม 83%

ทั้งนิ้ หากพิจารณาถึงศักยภาพของทำเลอโศก-เพชรบุรี-พระราม 9 นั้นมีปัจจัยสนับสนุน ดังนี้

1. เป็นทำเลที่มีการพัฒนาโครงการออฟฟิศเกรดเอ และโครงการ Mixed Use หลายโครงการ มีขนาดพื้นที่รวม 1.14 ล้านตร.ม. มีการจ้างงานในบริษัททั้งที่เป็นของต่างชาติ และคนไทยรวมกว่า 78,000 คน

2. มีศูนย์การค้าและชอปปิงมอลล์ 7 แห่ง มีพื้นที่รวมกัน 1.5 ล้านตร.ม. มีคนเข้าไปใช้จ่ายในพื้นที่ดังกล่าว 4.54 คนต่อวัน

3.มีโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (MRT) ในปัจจุบันมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ประมาณ 270,000 คน หรือเพิ่มขึ้น 5.23% ต่อปี และ

4.  ในอนาคตยังมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งจะทำให้การเดินทางของผู้บริโภคมีความสะดวก และเดินทางเข้ามาในกลางใจเมืองได้มากยิ่งขึ้นด้วย เมื่อโครงการสร้างเสร็จในปี 2566 (ค.ศ.2023 )

อย่างไรก็ตาม หากมองในกลุ่มคอนโดฯ รีเซล (Resale) พบว่าทำเลอโศก-สุขุมวิท (ช่วง Terminal 21 ถึงแยกเพชรบุรี) ในปี 2561 อยู่ที่ 207,000 บาทต่อตร.ม. เพิ่มขึ้น 8 % จากปี 2560 ที่ราคา 192 ,000 บาทต่อตร.ม. ขณะที่คอนโดฯ รีเซล (Resale)ในทำเล อโศก–พระราม 9 (ช่วง แยกเพชรบุรีถึงMRT ศูนย์วัฒนธรรม) ในปี 2561 ราคาอยู่ที่ 159 ,000 บาทต่อตร.ม. เพิ่มขึ้นมา 9 % จากปี 2560 ที่มีราคาอยู่ที่ 146 ,000 บาทต่อตร.ม.

 

จากการสำรวจการลงทุนคอนโดมิเนียมในทำเลอโศก-เพชรบุรี-พระราม 9 ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมต่อของการคมนาคมในย่านธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ พบว่า ปัจจุบันอัตราการเข้ามาของลูกค้าชาวไทย และชาวต่างชาติมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติส่วนใหญ่มาจาก ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง จีน และญี่ปุ่น ส่งให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เข้ามาลงทุมเพิ่มมากขึ้น