The Empire of Originนั่นคือข้อความที่ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI สื่อมายังสื่อมวลชนเพื่อเชิญร่วมแถลงข่าวในวันอังคารที่ 30 มกราคม2561 ที่งานนี้ CEO “พีระพงศ์ จรูญเอก”นำทัพผู้บริหารที่คร่ำหวอดในธุรกิจอสังหาฯทั้ง “ปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์” ที่นั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจในORI , “ศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์” กรรมการผู้จัดการโครงการแนวราบของORI และ “จตุพร ผิวขาว” กรรมการผู้จัดการของบริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด ร่วมโชว์วิสัยทัศน์ถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของออริจิ้นทั้งโครงการคอนมิเนียม โครงการแนวราบ รวมถึงโครงการร่วมทุน โครงการที่จะสร้างรายได้หมุนเวียนสู่การเป็น The Empire of Origin…ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

 

หากพิจารณาถึงข้อมูลที่ได้แจ้งไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯเห็นชัดเจนว่า “ออริจิ้น”เปิดเกมส์รุกธุรกิจมากขึ้นวางโรดแมปประมาณการด้านรายได้ (Revenues)ยาว 5 ปี (ปี2561- 2565) ถึง 42,000 ล้านบาท (Included JV Project) จากปี 2561 ที่ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 15,500 ล้านบาท  

 

พาร์ค ออริจิ้น คอมเพล็กซ์  คือโปรเจกต์ไฮไลท์สะท้อนภาพให้เห็นอาณาจักร“ออริจิ้น” ในรูปแบบ “มิกซ์ยูส”(Mixed-use) รับเทรนด์การอยู่อาศัยใหม่ของโลกผ่าน 3 โครงการรวมมูลค่าทั้งสิ้น 70,000 ล้านบาทในย่านใจกลางธุรกิจที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนเมือง รวมถึงนักท่องเที่ยวทั่วไปและนักธุรกิจ ดังนี้

– พาร์ค ออริจิ้น คอมเพล็กซ์ ทองหล่อ มูลค่า 37,000 ล้านบาท

– พาร์ค ออริจิ้น คอมเพล็กซ์ พร้อมพงษฺ์ มูลค่า 23,000 ล้านบาท

และพาร์ค ออริจิ้น คอมเพล็กซ์ พญาไท มูลค่า 10,000 ล้านบาท

 

ตามแผนปี2561 “ออริจิ้น” ได้วางแผนเปิดตัวประมาณ 14 โครงการใหม่รวมมูลค่า 30,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 98 %เมื่อเทียบกับปีก่อนที่เปิดรวมมูลค่า 15,150 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 10 โครงการมูลค่ารวม 26,000 ล้านบาทและที่อยู่อาศัยแนวราบ 4 โครงการรวมมูลค่า 4,000 ล้านบาท ส่วนเป้ายอดขายปีนี้“ออริจิ้น” ตั้งไว้ที่ 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 36% (ปี2560ได้ 14,760ลบ.) ขณะที่เป้ารายได้ตั้งไว้อยู่ที่ 15,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 67%(ปี2560มีรายได้ที่ 9,000 ลบ) และ ณ สิ้นปี 2560 มียอดขายที่รอรับรู้รายได้(รอโอน)หรือBacklog ที่ 27,000 ล้านบาท

 

การวางยุทธศาสตร์เชิงรุกครั้งนี้ของ“ออริจิ้น” ในครั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้เม็ดเงินลงทุนจากพันธมิตร คือ NOMURA REAL ESTATE DEVELOPMENT ที่ร่วมลงทุนกันมาตั้งแต่ปี2560 รวม 6 โครงการมูลค่า 22,500 ล้านบาท ในการจับมือกับ NOMURA ครั้งนี้ช่วยเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งให้กับ “ออริจิ้น”ได้เป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากเม็ดเงินลงทุนแล้ว ยังได้มีการแลกเปลี่ยนโนว์ฮาว เทคโนโลยี และอินโนเวชั่นด้านการดีไซน์ รวมถึงการแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลลูกค้า เป็นต้น และผลจากโครงการร่วมลงทุนนั้นจะเริ่มสร้างรายได้เข้ามาตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป

 

สำหรับที่อยู่อาศัยแนวราบนั้น “ออริจิ้น”ได้วางแผนยาว 5 ปี(ปี2561-65)เปิดโครงการใหม่รวมมูลค่าทั้งสิ้น 45,800 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้รวมที่ 31,100 ล้านบาท  โดยได้วางโปรดักส์เซกเมนต์ ดังนี้ ทาวน์เฮ้าส์/โฮมออฟฟิศ ระดับราคา 3-5 ล้านบาท ,บ้านเดี่ยวกับบ้านแฝดระดับราคา 5-8 ล้านบาท และ บ้านเดี่ยวระดับราคา 8-20 ล้านบาท โดยโครงการที่เปิดตัวนั้นมีทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดในพื้นที่อีอีซี

 

ส่วนธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำต่อเนื่อง (RECURRING INCOME BUSINESS ) ที่ดำเนินงานภายใต้บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด ที่มีทั้งธุรกิจโรงแรม, เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ , รีเทล/ออฟฟิศ รวมถึงธุรกิจแวร์เฮ้าส์ที่อยู่ระหว่างการศึกษา โดยที่ผ่านมาได้มีการลงทุนไปและจะเริ่มสร้างเสร็จและมีรายได้ตั้งแต่ปี2563เป็นต้นไป ซึ่งเบื้องต้นได้วางแผนในกลุ่มธุรกิจนี้ตั้งแต่ปี 2563-66รวมมูลค่าโครงการ 14,000 ล้านบาท ได้ลงทุนเปิดตัวโครงการไปแล้วรวมมูลค่า 11,000 ล้านบาท

 

กล่าวได้ว่าการเดินหน้าสู่เป้าหมายเป็น The Empire of Origin… ผ่าน 3 โครงการ 3 ทำเลภายใต้คอนเซ็ปต์ “ พาร์ค ออริจิ้น คอมเพล็กซ์”  รวมมูลค่า 70,000 ล้านบาท พร้อมกับได้มีการจัดทัพผู้บริหารดูแลในแต่ละกลุ่มธุรกิจอย่างชัดเจน พร้อมกับมีการวางแผนธุรกิจในแต่ละปีอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งยังเพิ่มแความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีกจากพันธมิตร แรงหนุนต่างๆเหล่านี้จะเพียงพอต่อเป้าหมายการก้าวขึ้นสู่บริษัทอสังหาฯเบอร์ต้นๆได้หรือไม่ ? คงต้องรอการพิสูจน์ !!

 

…. แต่ที่แน่ๆทุกก้าวของ “ออริจิ้น” บนถนนเส้นสายนี้ทุกโครงการที่เปิดหรือทุกทำเลที่ไปล้วนท้าชนแบบตรงๆกับผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด ซึ่งนั่นหมายความว่าได้เพิ่มอุณภูมิการแข่งขันตลาดอสังหาฯนั้นดุเดือดยิ่งขึ้น