เอสซีฯเผยดีมานด์คอนโดฯกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เพิ่มสูงถึงกว่า 60,000 ยูนิต โดยเฉพาะทำเลรัชโยธิน หลังกระแสรถไฟฟ้าบูมราคาที่ดินพุ่งกว่า 1 ล้านบาท/ตารางวา ซัพพลายรอบ4-5 ปีแตะ 10,000 ยูนิต  ล่าสุดเตรียมเปิดพรีเซล “เซ็นทริค  รัชโยธิน”คาดฟันยอดขาย 70% ทั้งดันยอดขายรวมตามเป้า 17,000 ล้านบาท เติบโต 11% 

 

 

นายประยงค์ยุทธ  อิทธิรัตน์ชัย   รองหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านพัฒนาทรัพย์สินแนวสูง บริษัท เอสซี  แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  หรือ SC เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาว่า แม้จะมีการเปิดตัวโครงการที่มากแต่ดีมานด์ก็มีมากขึ้นเช่นกันตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค โดยทุกๆปีดีมานด์คอนโดฯในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล จะมีประมาณกว่า 50,000 ยูนิต แต่เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมาดีมานด์มีสูงมากกว่า 60,000 ยูนิต โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่นิยมทำงาน 2 จ็อบ คือทำงานออฟฟิศและทำงานเองในที่พักอาศัยด้วย  ซึ่งการพัฒนาของSC จึงได้ออกแบบให้มาตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวด้วย โดยเฉพาะโครงการ “เซ็นทริค  รัชโยธิน” (CENTRIC Ratchayothin) ซึ่งบริษัทซื้อที่ดินมาพัฒนาในราคาเกือบ 500,000 บาท/ตารางวา แต่ปัจจุบันจากการสำรวจพบว่าทำเลย่านรัชโยธิน ในรัศมี 10 กิโลเมตรราคาที่ดินพุ่งสูงมากว่า 1 ล้านบาท/ตารางวา และตั้งแต่ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีซัพพลายโครงการคอนโดฯจากผู้ประกอบการรายใหญ่เปิดตัวมากประมาณ 10 โครงการ รวม 9,000-10,000 ยูนิต แต่ก็ยังน้อยกว่าทำเลอื่น ในขณะเดียวกันยอดขายรวมกับสูงถึง 70-75%

 

สำหรับโครงการ“เซ็นทริค  รัชโยธิน” ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ เป็นคอนโดฯสูง 21 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 24-55 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 3.7-9 ล้านบาท หรือเริ่มต้นที่ 155,000 บาท /ตารางเมตร จำนวน 261 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท โดยขณะนี้มีผู้สนใจจองลงทะเบียนแล้วเกือบ 2,000 ราย ซึ่งในวันที่ 6 มีนาคม 2561 นี้ จะเปิดให้ลูกค้าจองผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งบริษัทฯได้แบ่งไว้จำนวน 3 ชั้น กว่า 50 ยูนิต และจะเปิดพรีเซลสำหรับลูกค้าทั่วไปในวันที่ 10-11 มีนาคม 2561 คาดว่าจะสามารถทำยอดขายรวมได้ประมาณ 70% โดยเน้นลูกค้าคนไทย ส่วนใหญ่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงประมาณ 60-70% และซื้อเพื่อลงทุนประมาณ 30%  หลังจากนั้นจะปรับราคาขายขึ้นมาอีกอย่างน้อย 2%  แต่ทั้งนี้ต้องรอดูดีมานด์ก่อน ซึ่งอาจจะมีการปรับกลยุทธ์ขายชาวต่างชาติเพิ่มหรือรอให้โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จในปลายปี 2562 แล้วปรับราคาขายยูนิตที่เหลืออีกรอบหนึ่ง

 

 

“เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตผู้อยู่อาศัย เราได้​ผสมผสาน  Rue Jai Living Solutions ด้วยแอพพลิเคชั่นซึ่งถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นมาโดยความร่วมมือกับstrategic partners ได้แก่  Fireoneone  และ AIS  เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยแก่ผู้พักอาศัย เช่น ควบคุมการเปิด/ปิดระบบแสงสว่าง แอร์ฯ ภายในห้องพัก,ระบบ Motion Sensor นอกจากนี้ยังรวมถึง  Smart security & Access control ระบบมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย  และ Living Solutions  ต่างๆ  Smart mail roomและ Smart Locker ตู้รับฝากของอัจฉริยะ ที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้านให้สามารถรับพัสดุได้ตลอด 24 ชม. โดยเฉพาะผู้ที่ชอบการสั่งของออนไลน์ พร้อมมีร้านกาแฟ Lifestyle อย่าง The Box café now in the box ที่จะเข้ามาให้บริการในโครงการ ตลอดจนความร่วมมือกับ  GRAB และ  Instawash แอพพลิเคชั่นการล้างรถมิติใหม่ คลิกเดียวจบตามตำแหน่งที่ลูกค้าต้องการ”นายประยงค์ยุทธ กล่าว

 

 

ด้วยความโดดเด่นของการออกแบบ และศักยภาพของทำเลที่ตั้งซึ่งเป็นหนึ่งในทำเลที่เป็นศูนย์กลางของการใช้ชีวิตรายล้อมด้วยสถานที่อำนวยความสะดวกมากมาย อีกทั้งยังอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวโดยวิ่งตรงสู่ใจกลางเมือง สยาม-เพลินจิต-อโศก โดยไม่ต้องเปลี่ยนสายซึ่งเปิดให้บริการในปี 2563 และยังสามารถเชื่อมต่อรถไฟฟ้าได้อีก 3 สาย สายสีเหลือง(ลาดพร้าว-สำโรง) ที่คาดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2562 และสายสีน้ำเงินที่เปิดงานอยู่ในปัจจุบัน และล่าสุดสายสีน้ำตาล แคราย-ลำสาลี (บึงกุ่ม) ซึ่งเป็นการพัฒนาด้วยระบบขนส่งมวลชนหรือรถไฟฟ้าและระบบทางด่วนบนสายทางเดียวกัน ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ได้มีมติอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี (บึงกุ่ม) เป็นรถไฟฟ้าสาย 11 เข้าสู่แผน M-MAP1แล้วเช่นกัน ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางแล้ว ยังเพิ่มศักยภาพให้กับโครงการมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นในอนาคต จึงมั่นใจว่าในการเปิดจองพรีเซลล์ โครงการ“CENTRIC รัชโยธิน”จะเป็นอีกหนึ่งโครงการไฮไลท์ที่ได้รับความสำเร็จและจะสนับสนุนให้บริษัทฯ บรรลุเป้าหมายยอดขายในปี2561  ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 17,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 11% จากปีก่อน