กลุ่ม”คูโดส”ผนึก”อิกลูโฮม สตาร์ทอัพชื่อดังจากสิงคโปร์ นำสินค้ากลุ่มอินโนเวชั่น-ยูนิเวอร์แซล จำหน่ายในไทยและอาเซียน นำร่องผลิตภัณฑ์ล็อคประตูดิจิตอล 3 รุ่น  มุ่งเจาะกลุ่มสำนักงาน โรงแรม ที่อยู่อาศัย  หลังชิมลาง 6 เดือน กวาดยอดแล้ว 35 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายปีนี้แตะ 320 ล้านบาท โต 15-20%

 

 

นายสันติ ศรีวิชาญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.ไอ.ที.จำกัด ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ห้องน้ำแบรนด์“KUDOS”เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีสินค้าจากประเทศจีนเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงการเข้าสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายในการทำตลาดของผู้ประกอบการ หากไม่ปรับตัวก็ไม่สามารถอยู่ได้ บริษัทฯจึงมองถึงเมกกะเทรนด์ไปในช่วง 5 ปีข้างหน้า ที่เริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เรื่องดิจิทัล และการรักษาสิ่งแวดล้อม ดังนั้นบริษัทจึงแตกไลน์สินค้าเพื่อตอบโจทย์3 ปัจจัยดังกล่าว  เพราะมองว่าในอนาคตสินค้าบางเซกเตอร์จะเปลี่ยนแปลงไป ตามที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นสมาร์ทโฮมมากขึ้น

 

 

ดังนั้นในปี2561 นี้บริษัทจึงได้ปรับแนวธุรกิจ โดยให้น้ำหนักกับการทำตลาดในกลุ่มสินค้านวัตกรรม ที่ขับเคลื่อนด้วยดีไชน์ผสมผสานเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงการให้บริการที่ครอบคลุมความต้องการลูกค้าเป็นหลัก และล่าสุดได้ร่วมมือกับ บริษัท อิกลูโฮม จำกัด(Igloohome) บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีจากสิงคโปร์  เพื่อขยายไลน์สินค้าในกลุ่มอินโนเวชั่น และ ยูนิเวอร์แซล นำเข้าผลิตภัณฑ์ล็อคประตูดิจิตอลจากอิกลูโฮม มาจำหน่ายในประเทศไทยและกลุ่มประเทศอาเซียน เจาะเข้าสู่ตลาดอาคารสำนักงาน  โรงแรม และที่อยู่อาศัยเป็นหลัก 

 

ในเบื้องต้นจะนำเข้าผลิตภัณฑ์ล็อคประตูดิจิตอล มา 3 รุ่นก่อนได้แก่ รุ่นDeadbolt และรุ่น Keybox ราคาขายอยู่ที่ 8,900 บาทและรุ่น Mortise ราคาขายอยู่ที่ 15,000 บาท ซึ่งได้เริ่มชิมลางจำหน่ายไปเมื่อเดือนตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าระยะเวลา 6 เดือน สามารถทำยอดขายได้ที่ 35ล้านบาท โดยสัดส่วน90% เป็นการขายผ่านโครงการ และอีก 10% เป็นการขายผ่านออนไลน์ และผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของคูโดส จะจัดแสดงและวางขายในงานสถาปนิก ’61  ระหว่างวันที่     1 – 6 พฤษภาคม 2561 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ด้วย

 

อีกทั้งภายในเดือนมิถุนายนนี้ มีแผนที่จะวางจำหน่ายที่สยามดิสคัฟเวอรี่  โดยคาดว่าภายในปี 2562 จะมียอดขายจากกลุ่มสินค้าดังกล่าว 10,000 ชุด คิดเป็นมูลค่า 100 ล้านบาท ซึ่งจากความแกร่งของทั้ง 2 กลุ่ม มั่นใจว่าในอนาคตอาจจะมีการนำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้ในห้องครัวและห้องน้ำเพิ่มมากขึ้นด้วย

 

ทั้งนี้ผลจากการเปิดตัวสินค้าในกลุ่มนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ในปีที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มดังกล่าวมีการขยายตัวสูงถึง200% ซึ่งในปีนี้จะมีการผลักดันสินค้าใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่องในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ทั่วไปมีอัตราการขยายตัวเท่าๆ กับในปีที่ผ่านมา โดยตามแผนในปี 2561 จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ใน 4กลุ่ม ได้แก่  กลุ่มก๊อกน้ำ ฝักบัว กลุ่มผลิตภัณฑ์ยูนิเวอร์แซลและกลุ่มอินโนเวชั่น ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ยอดขายเติบโตสูงกว่าตลาดรวมสุขภัณฑ์ ที่คาดว่าในปี2561 นี้ จะขยายตัวประมาณ 5% จากมูลค่าตลาดรวมที่ 10,000-15,000 ล้านบาทซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลดีต่อการตัดสินใจซื้อและความเชื่อมั่นของลูกค้า และที่สำคัญ การขยายตัวจากความต้องการของโครงการใหม่ๆในตลาดอสังหาริมทรัพย์

 

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตบริษัทจะพยายามเพิ่มสัดส่วนการขายผ่านโครงการและลูกค้าโดยตรงให้มีสัดส่วนอยู่ที่ 50% นอกจากนี้ได้ตั้งเป้าใน 3 ปีข้างหน้า จะมียอดขายจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากปัจจุบันอยู่ระดับ 5% หรือในปี 2563 บริษัทจะมียอดขายรวม 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นมาจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆในกลุ่มนวัตกรรมและอินโนเวชั่น และการขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ  โดยเป็นการเปิดสาขาใหม่ในรูปแบบโมเดิร์เทรดของโฮมโปร ที่ในอีก 3 ปีจะมีการลงทุนสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องประมาณ 20 สาขา

 

โดยในปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายที่ 320 ล้านบาท เติบโตขึ้น15-20% เมื่อเทียบกับยอดขายในปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 280 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายผ่านร้านค้าและสาขาในโมเดิร์นเทรด70% ,การขายผ่านโครงการ 20% และขายผ่านกลุ่มลูกค้าโดยตรง 10%

 

“โอกาสของสินค้าในกลุ่มนวัตกรรมและอินโนเวชั่นในปีนี้ คือตลาดโครงการใหม่ จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะมียูนิตเกิดใหม่ทั้งประเทศประมาณ 100,000ยูนิต แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 55%และซัพพลายใหม่ในต่างจังหวัด 45%โดยในจำนวนนี้เป็นคอนโดฯ จำนวน 60,000 ยูนิต และที่เหลือเป็นส่วนของโครงการแนวราบ”นายสันติ กล่าวในที่สุด