ควอลิตี้เฮ้าส์  ปรับแผนชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ปีนี้ลงเหลือ 12-13 โครงการมูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท พร้อมเลื่อนแผนเปิดตัวคอนโดฯใหม่ 2 โครงการเหตเพราะติดปัญหา  EIA

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์  จำกัด (มหาชน) (QH) เปิดเผยว่า ในปี 2561 บริษัทฯมีโครงการใหม่ที่เปิดรวมทั้งสิ้น 12-13 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 10,000 ล้านบาท จากแผนเดิมที่จะเปิด 15 โครงการค่าโครงการวม 13,000  ล้านบาท ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียม Q นานา จะเปิดขายอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาส 4/2561 หลังจากที่เปิดขายให้กับลูกค้าบางส่วนไปแล้วตั้งแต่ปี 2558 โดยที่มียอดขายเพียง 28% ถึงปัจจุบัน ทำให้บริษัทจะกลับมาเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม Q นานา อีกครั้งในช่วงไตรมาส 4/2561 ซึ่งเป็นช่วงที่โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ โดยราคาขายยังอยู่ที่ 300,000 บาท/ตารางเมตร (ตร.ม.)และยังมั่นใจยอดขายทั้งปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายเติบโต 10% หรืออยู่ที่ 15,500 ล้านบาท ส่วนในช่วงไตรมาส 4/2561 บริษัทจะเปิดให้บริการเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ เซ็นเตอร์พ้อยท์ พัทยา ที่จะเข้ารายได้ประจำให้กับบริษัทฯเพิ่มขึ้น

 

ทั้งนี้ บริษัทฯมั่นใจว่าในปีนี้จะมีกำไรสุทธิเติบโตประมาณ 10% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,460 ล้านบาท และเพื่อให้กำรสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯจะเน้นการบริหารจัดการต้นทุนต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพเช่น การบริหารจัดการต้นทุนการขายและบริหาร (SG&A) ที่ปัจจุบันปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 1.19% ซึ่งลดลงมาต่อเนื่องจากปี 2559 ที่อยู่ที่ 2.04% จากการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆมาประยุกต์ใช้ในการนำข้อมูลมาตัดสินใจลงทุนโครงการต่างๆ และการใช้สื่ออนไลน์ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์มากขึ้น อีกทั้งยังมีการควบคุมต้นทุนการก่อสร้างให้เหมาะสม ทำให้สามารถได้มาร์จิ้นที่สูง ประกอบกับการลดภาระดอกเบี้ยให้ลดลง โดยการทยอยชำระหนี้ให้มีหนี้เหลือน้อยลง ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทลดลงเหลือ 1.3% ในปัจจุบัน จากสิ้นปีก่อนที่ 1.8-1.9%

 

สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่ในครึ่งปีหลังบริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่อีก 7-8 โครงการ โดยเป็นโครงการแนวราบและส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล และมีโครงการในต่างจังหวัดที่จะเปิดในเชียงใหม่ 1 โครงการ ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการที่เปิดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้นั้นบริษัทฯจะเลื่อนเปิดโครงการออกไป ดังนี้ คือโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ในลาดพร้าว เนื่องจากการขออนุญาตวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) ยังไม่แล้วเสร็จ คาดว่าจะเลื่อนไปเปิดในปี 2562 ส่วนอีกโครงการคือ คอนโดมิเนียมย่านเจริญนคร ที่วางแผนจะเปิดในช่วงไตรมาส 4/2561 โดยอยู่ระหว่างการทบทวนและชะลอแผนการการพัฒนาโครงการดังกล่าวไปก่อน เนื่องจากติดปัญหาในการขอ EIA เพราะที่ดินข้างๆของโครงการเป็นตึกสูงเช่นเดียวกัน

 

นายชัชชาติ ยังกล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ยังค่อนข้างดี โดยเฉพาะตลาดแนวราบ ที่ยังมีความต้องการซื้อในตลาดที่มากอยู่ ขณะที่ตลาดคอนโดฯยังเผชิญปัญหาสินค้าล้นตลาดไนบางทำเล เช่น ทำเลรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่ยังต้องใช้ระยะเวลาในการดูดซับไปอีก 2 ปี สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดบางทำเลยังเห็นการชะลอการลงทุนอยู่ แต่ในบางจังหวัดใหญ่ เช่น เชียงใหม่ ตลาดยังไปได้ต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าชาวไทยและชาวจีน ส่วนทำเลในจังหวัดโซนระเบียงเขตเศรษงกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มองว่าการมีรถไฟความเร็วสูงจะทำให้กลุ่มผู้รายได้สูงที่ทำงานในทำเลนั้นๆเลือกที่จะอยู่อาศัยในเมืองมากกว่า เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ซึ่งจะทำให้กลุ่มลูกค้าใน EEC จะเป็นกลุ่มพนักงานมากกว่าที่เลือกซื้อโครงการที่กระจายออกไปตามรอบนอกเมือง