กคช.โชว์ผลงานครบรอบ 46 ปี พัฒนาที่อยู่อาศัยแล้ว 734,183 หน่วย ผลกำไรสุทธิปี 2559 – 61 สูงขึ้นต่อเนื่องเกือบ 150  พุ่งเป้าทิศทางปี 62 “ปีแห่งคุณภาพและนวัตกรรม” พร้อมแจงแนวทางการขับเคลื่อนที่อยู่อาศัย 5 โครงการหลัก

ดร.ธัชพล  กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน 46 ปี การเคหะแห่งชาติได้ดำเนินงานพัฒนาที่อยู่อาศัยควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมทั้งสิ้น จำนวน 734,183 หน่วย ประกอบด้วย โครงการบ้านเอื้ออาทร 279,977 หน่วย โครงการแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด (ปรับปรุงชุมชนในที่ดินเดิมและจัดหาที่อยู่อาศัยใหม่) 233,964 หน่วย โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน 165,723 หน่วย โครงการเคหะข้าราชการ 50,708 หน่วย โครงการสำหรับมหาวิทยาลัยราชภัฏ 2,374 หน่วย โครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้ 845 หน่วย โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 1 จำนวน 334 หน่วย และโครงการแก้ไขวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ 258 หน่วย

สำหรับผลประกอบการของการเคหะแห่งชาติในปีงบประมาณ 2561 ที่ผ่านมา มีผลกำไรสุทธิ 1,713 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าปีงบประมาณ 2560 ที่ทำผลกำไรสุทธิได้ 1,143 ล้านบาท คิดเป็น 49.86 % และย้อนหลังไปในปีงบประมาณ 2559 ทำกำไรสุทธิได้ 572 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2561 มีกำไรสูงขึ้น 100 % ส่วนปีงบประมาณ 2562 ตั้งเป้ากำไรสุทธิไว้ 1,374 ล้านบาท ซึ่งผลประกอบการในไตรมาสแรก (เดือนตุลาคม – ธันวาคม 2561) ทำกำไรสุทธิเบื้องต้น 328 ล้านบาท

 

ส่วนการดำเนินงานด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย การเคหะแห่งชาติเดินตามกรอบแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) ช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงสวัสดิการพื้นฐานต่างๆ ของรัฐได้เป็นอย่างดี และขับเคลื่อนต่อเนื่องในปี 2562 โดยเฉพาะ โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงสามารถจัดสร้างโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 1 (แปลง G) รองรับผู้อยู่อาศัยเดิม แฟลตที่ 18 – 22 จำนวน 334 หน่วย ได้สำเร็จ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมพื้นที่ก่อสร้างโครงการฯ ระยะที่ 2 จำนวน 2 อาคาร รวมทั้งสิ้น 1,247 หน่วย คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างประมาณเดือนมีนาคม 2562

 

อีกโครงการหนึ่งที่อยู่ในความสนใจของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์คือ โครงการเคหะประชารัฐร่วมทุน ซึ่งจะช่วยขยายตลาดที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยให้มากขึ้น รวมทั้งยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงระบบสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ง่าย โดยมีแนวทาง 3 รูปแบบ ได้แก่

รูปแบบแรก โครงการร่วมลงทุนกับเอกชน (Joint Investment) ในโครงการที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ดำเนินการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 จำนวน 5 โครงการ

รูปแบบที่สอง โครงการร่วมดำเนินกิจการระหว่างภาครัฐและเอกชน (Joint Operation) มูลค่าโครงการต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ดำเนินการตามข้อบังคับและระเบียบของการเคหะแห่งชาติ โดยการเคหะแห่งชาติคัดเลือกแปลงที่ดินที่มีศักยภาพสูง เพื่อประกาศเชิญชวนให้ภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุนประมาณ 18 โครงการ 767 ไร่

รูปแบบที่สาม คือ โครงการร่วมสนับสนุนภาคเอกชน (Joint Support) โดยการเคหะแห่งชาติจะเป็นที่ปรึกษาให้กับภาคเอกชนใน 2 รูปแบบ คือ ด้านการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ เพื่อขออนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน เน้นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ระดับ SME หรือกลุ่ม Start Up ส่วนภูมิภาค และด้านการบริหารจัดการโครงการ (Project Management) โดยจะพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของโครงการ ซึ่งมีผู้ประกอบการยื่นข้อเสนอมาแล้ว 7 จังหวัด 14 โครงการ

 

นอกจากนี้ การเคหะแห่งชาติได้ดำเนินโครงการจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย เพื่อเป็นแหล่งสินเชื่อรายย่อยและค้ำประกันสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อย รวมทั้งเป็นกลไกในการสร้างวินัยทางการเงินให้กับผู้มีรายได้น้อยอย่างสม่ำเสมอก่อนที่จะส่งต่อให้กับสถาบันการเงิน โดยมีกรอบวงเงินตั้งต้นที่ขอรับจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลจำนวน 5,207 ล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2562

ขณะเดียวกันการเคหะแห่งชาติได้หาแนวทางแก้ไขปัญหาอาคารคงเหลือโครงการบ้านเอื้ออาทร จำนวนกว่า 10,000 หน่วยซึ่งมีโครงการพร้อมขาย 8,697 หน่วย (ที่เหลือเกือบ 2,000 หน่วยติดปัญหาฟ้องขับไล่)โดยวางแนวทางการขายไว้หลายรูปแบบ เช่น เข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลังของ ธอส. พร้อมอัดแคมเปญ ลด แลก แจก แถม รวมถึงจ้างเอกชนบริหารการขาย ให้ค่าตอบแทนผู้แนะนำลูกค้ามาซื้อโครงการ เช่าเพื่อซื้อ (Rent to Buy) ให้เอกชนเช่าเหมาอาคาร และขายในราคาพิเศษให้เป็นสวัสดิการหน่วยงานรัฐ เป็นต้น

 

ขับเคลื่อนที่อยู่อาศัย 5 โครงการหลัก

ทิศทางการดำเนินงานของการเคหะแห่งชาติในปี 2562 มุ่งก้าวสู่การเป็น “ปีแห่งคุณภาพและนวัตกรรม (Year of Quality & Innovation) ด้วยการเน้น คุณภาพ (Quality) การดำเนินงานในด้านต่างๆ ทั้งด้านความร่วมมือกับภาคเอกชนและภาคีเครือข่าย ด้านการก่อสร้าง ด้านการบริหารทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่องค์กร และด้านบริการ รวมถึงการนำนวัตกรรม (Innovation) ใหม่ๆ มาใช้ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ทั้งด้านการออกแบบที่อยู่อาศัย ด้านการก่อสร้าง ด้านการตลาด และด้านการเงิน โดยแนวทางการขับเคลื่อนที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติในปี 2562 มี 5 โครงการหลัก ได้แก่

 โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยใหม่ เพื่อช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางได้มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง มีเป้าหมายเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติ 38,562 หน่วย ซึ่งได้รับความเห็นชอบแล้ว 10,246 หน่วย

โครงการบ้านพักข้าราชการ (บ้านหลวง) จัดสร้างที่อยู่อาศัยในรูปแบบรัฐสวัสดิการ 25,000 หน่วย ซึ่งคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินการแล้ว 6,055 หน่วย

โครงการติดตาม/ประเมินผลสัมฤทธิ์และส่งเสริมสมรรถนะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภายใต้ “โครงการจัดทำแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยและแผนป้องกัน/แก้ไขปัญหาชุมชนแออัด” เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการวางแผนพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุมชนและเมือง ตามพระราชบัญญัติกําหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอํานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 โดยมีกลุ่มพื้นที่เป้าหมาย 19 กลุ่ม 73 พื้นที่

โครงการเคหะประชารัฐร่วมทุน เปิดโอกาสให้เอกชนร่วมลงทุนในการพัฒนาที่อยู่อาศัยกับการเคหะแห่งชาติ 3 รูปแบบ ทั้งโครงการร่วมลงทุนกับเอกชน (Joint Investment) โครงการร่วมดำเนินกิจการระหว่างภาครัฐและเอกชน (Joint Operation) และโครงการร่วมสนับสนุนภาคเอกชน (Joint Support)

โครงการบ้านล้านหลัง โดยจะพัฒนาบ้านโครงเหล็ก (Smart Home) ให้มีการออกแบบ Universal Design และเป็นบ้านประหยัดพลังงาน เพิ่มทางเลือกให้ผู้มีรายได้น้อยซื้อเป็นเจ้าของ