บีไอดับบลิวฯเผยตลาดม่าน-มู่ลี่ประเทศไทยขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะนวัตกรรมใหม่ กลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงตอบรับดี ประกาศเตรียมขยายแบรนด์Coulisse เจาะตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระบุยอดขายรวมปี’61แตะ 140 ล้านบาท ผ่านดีลเลอร์-โครงการ สัดส่วน 50:50

 

นายสิริชัย ฤทธิ์ปัญญาวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บีไอดับบลิว โพรดัคส์ จำกัด (BIW)ผู้จำหน่ายม่านมูลี่ และม่านม้วนนำเข้าแบรนด์คูลิส(Coulisse) เปิดเผยว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาตลาดม่านและมูลี่ ในประเทศไทยมีอัตราการขยายตัวที่ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มม่านม้วนที่มีการนำนวัตกรรมใหม่ๆข้ามาใช้ และมีการดีไซน์ที่โดดเด่นมาพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ทำให้ที่ผ่านมา ม่านม้วนได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง รวมถึงกลุ่มธุรกิจโรงแรม อาคารสำนักงาน และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่อยู่อาศัย   โดยในช่วง3ปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายม่านม้วน แบรนด์ Coulisse จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เป็นแบรนด์ที่ทำตลาดแตกต่างจากม่านม้วนทั่วไปด้วยนวัตกรรมจากยุโรป มีจุดแข็ง 3 ด้าน คือการดีไซน์ที่เชื่อมโยงกับเทรนด์แฟชั่น ฉะนั้นม่านม้วนของ Coulisse จึงไม่ใช่แค่ม่านบังแสง แต่ยังช่วยเติมมุมมองของความงามและสไตล์ที่ทันสมัยให้กับงานสถาปัตยกรรม และเพื่อเป็นการขยายฐานตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Coulisse ได้แต่งตั้ง BIW เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย และขยายตลาดไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่มีสาขาใน 80 ประเทศทั่วโลก

 

ทั้งนี้ที่ผ่านมา ม่านม้วน Coulisse ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง และกลุ่มลูกค้าธุรกิจโรงแรม และออฟฟิศเนื่องจากเป็นม่านม้วนที่มีคุณภาพสูง ขณะเดียวกันก็ได้มีการนำนวัตกรรมใหม่ๆมาพัฒนาสินค้า เช่นนวัตกรรมผ้าม่านสะท้อนแสงแดด ซึ่งช่วยลดอุณหภูมิในอาคาร สามารถช่วยลดการใช้พลังงานได้มากกว่าผ่านม่านทั่วๆไปถึง50% นอกจากนี้ยังมีการออกแบบม่านม้วนให้สวยงามและโดดเด่นเข้ากับความต้องการของลูกค้า


“Coulisse ยังเป็นม่านม้วนที่ Eco-Friendly หรือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งด้านคุณสมบัติการสะท้อนความร้อนจากแสงแดด ช่วยลดอุณหภูมิภายในอาคารได้มากถึง 50%  จึงช่วยประหยัดพลังงาน ทั้งยังป้องกันรังสียูวี และซับเสียงรบกวน รวมไปถึงมีการทดสอบเรื่องการป้องกันลามไฟที่ได้มาตรฐาน ขั้นสูงสุด และเนื้อผ้าที่ใช้ เมื่อเสื่อมสภาพแล้วก็สามารถนำไปรีไซเคิลลดขยะได้อีกด้วย ในด้านเทคโนโลยีการบังคับผ้าม่าน Coulisse ตอบโจทย์การใช้งานที่สะดวก สบายด้วยการเชื่อมต่อเทคโนโลยี IOT สามารถควบคุมผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน สั่งเปิดปิดและทำงานตามเวลาที่กำหนดได้อย่างง่ายดาย”นายสิริชัย กล่าว

ทั้งนี้ปัจจุบัน BIW ทำตลาดผ่าน 2 ช่องทางหลัก คือ การขายผ่านดีลเลอร์ ซึ่งมีอยู่กว่า 1,000 ร้านค้าทั่วประเทศ และการขายสินค้าผ่านโครงการ ซึ่งทั้ง 2 ช่องทางนี้บริษัทฯมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 50:50 โดยในปี 2561 ที่ผ่านมาบริษัทฯมีรายได้จากการขายม่านและมู่ลี่ของBIW และบริษัทในเครือรวม 140ล้านบาท

ด้านนาย เตฟ ซาง ผู้อำนวยการฝ่ายข่ายภาคพื้นเอเชียแปรซิฟิค Coulisse เนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า เทรนด์การเลือกใช้ม่านม้วนในยุโรปในปัจจุบัน ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ม่านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ประกอบกับกลุ่มอินทีเรียร์ ดีไซเนอร์ เลือกและมองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งลดการปล่อย CO2 ในบรรยากาศและสภาพแวดล้อมในอาคารที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของพนักงานในอาคาร และการใช้ชีวิตรวมถึงสุขภาพผู้อยู่อาศัยในอาคารด้วย

“การนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ในการผลิตและพัฒนาสินค้าของ Coulisse โดยเฉพาะนวัตกรรมในตัวม่านม้วน ซึ่งสามารถสะท้อนแสงแดด ช่วยลดอุณหภูมิ และลดการใช้พลังงาน และที่สำคัญคือวัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตม่านม้วนของบริษัทที่ไม่ปล่อยสาร CO2 ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างมาก จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Coulisse ประสบความสำเร็จได้รับความนิยมทั่วโลก ในหลาย ๆ อาคารชั้นนำเลือกใช้ม่านม้วนของเรา อาทิDuo Tower ในประเทศสิงคโปร์ อาคารสำนักงานใหญ่ของ L’Oréal ในบราซิล ซึ่งเป็นผลมาจากการก้าวนำตลาดด้วยการนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์เรื่องการดีไซน์ ฟังก์ชั่น และสุขภาพ”นาย เตฟ ซาง กล่าวในที่สุด

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*