ไฮไชน์ ดีเวลลอปเม้นท์ฯ เผยแม้โควิด-19 จะพ่นพิษกระทบทุกธุรกิจ แต่เชื่อมั่นตลาดอสังหาฯไทยยังเติบโตได้ ล่าสุดนำ 4 โครงการคอนโดฯ จัดแคมเปญใหญ่ “Buy Back Deal” ให้ผลตอบแทน 10% ต่อปี และหลังจากการทำสัญญา การันตีรับซื้อคืน 100% สร้างความมั่นใจลูกค้า ตั้งเป้ายอดขาย 150 ยูนิต รวมมูลค่า 1,025 ล้านบาท
มร.เฉิน ซู่เฟิง
มร.เฉิน ซู่เฟิง ประธานกรรมการประจำภูมิภาค บริษัท ไฮไชน์ ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่เริ่มเข้ามารุกตลาดอาคารชุดคอนโดมิเนียม ในกรุงเทพฯ เมื่อ 2 ปี ที่ผ่านมา และได้เปิดขายไปแล้ว 4 โครงการ ปรากฏว่าได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี แม้ว่าในขณะนี้สภาวะเศรษฐกิจและสังคมอาจมีการเปลี่ยนแปลงไป จากปัญหาจากไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทุกวงการธุรกิจ และส่งผลไปยังประชาชนทุกคน แต่บริษัทฯ ยังคงเชื่อมั่นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของกรุงเทพฯ ที่ยังคงเติบโตไปได้อีก

“ในสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ บริษัทฯ เข้าใจและพร้อมยืนเคียงข้างกับคนไทยเพื่อต่อสู้กับสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ไปด้วยกัน และไฮไชน์เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกในประเทศไทย ที่สร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ ด้วยการคืนผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้แก่ลูกค้า เนื่องจากปัจจุบันลูกค้าหลายรายได้รับผลกระทบจากสภาวะวิกฤติโควิด–19 จึงได้จัดทำแคมเปญ Buy Back Deal” ให้ผลตอบแทนสูงสุด 10% ต่อปี ภายหลังมีการทำสัญญาและการันตีรับซื้อคืน 100% เพื่อช่วยคลายความกังวลของลูกค้า ลดภาระให้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสภาพคล่อง” มร.เฉิน กล่าว

มร.เฉิน กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดแคมเปญดังกล่าวยังเป็นอีกช่องทางสำหรับการลงทุนอสังหาฯ ในสภาวะที่ดอกเบี้ยเงินฝากไม่สูงมากนัก และกรณีหากลูกค้าไม่พอใจในคุณภาพการก่อสร้าง บริษัทฯรับซื้อคืน 100% เพราะบริษัทฯให้ความสำคัญและใส่ใจลูกค้ามาโดยตลอด เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นในการซื้ออสังหาฯกับไฮไชน์ ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป โดยเพิ่มผลตอบแทนสูงสุด  10% ต่อปี  ให้กับลูกค้าที่ซื้อคอนโดมิเนียม Regal ของไฮไชน์ ทั้ง 4 โครงการ ได้แก่

-โครงการรีเกิล สาทร-นราธิวาส (Regal  Sathorn-Naradhiwas) พัฒนาในนามบริษัท ไฮไชน์ พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1.68 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของคอนโดฯ สูง 28 ชั้น จำนวน 1 อาคาร  ขนาด 25.98-56.16 ตารางเมตร ราคา 3-9.5 ล้านบาท หรือเริ่มต้นที่ 130,000 บาท/ตารางเมตร จำนวน 260 ยูนิต + 2 ร้านค้า รวมมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท  ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 70%

-โครงการ รีเกิล บางนา (Regal Bangna)  พัฒนาในนามบริษัท ฟุ้ ไท้ พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย)จำกัด  ตั้งอยู่บนพื้นที่ 4 ไร่ เป็นคอนโดฯสูง 31 และ 27 ชั้น จำนวน 2 อาคาร ขนาด 28-64 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่  2.99-6 ล้านบาท หรือเริ่มต้นที่ 80,000-90,000 บาท/ตารางเมตร จำนวน 937 ยูนิต รวมมูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 50%

-โครงการรีเกิล สุขุมวิท 76 (Regal Sukhumvit 76)  พัฒนาในนามบริษัท รุ่นฟู๋ (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่บนพื้นที่ 21 ไร่ เป็นโครงการมิกซ์ยูส มีอาคารที่พักอาศัย 8 อาคาร สูง 18-50 ชั้น  ขนาด 28-100 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 1.85-8 ล้านบาท จำนวน 4,931 ยูนิต   และพื้นที่ศูนย์การค้า 15,000 ตารางเมตร มูลค่าโครงการกว่า 16,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 40%

-โครงการรีเกิล อ่อนนุช-ศรีนครินทร์ (Regal Onnut-Srinakarin) พัฒนาในนาม บริษัท หยิน ไห่ พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่บนพื้นที่ 3.5 ไร่ เป็นคอนโดฯสูง 8 ชั้น จำนวน 3 อาคาร ราคาเริ่มต้นที่ 1.89-4.39 ล้านบาท จำนวน 382 ยูนิต รวมมูลค่า 1,025 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 30%

โดยแคมเปญดังกล่าวเริ่มตั้งแต่วันนี้-30 มิถุนายน 2563 คาดว่าจะสามารถทำยอดขายจาก โครงการรีเกิล สาทร-นราธิวาส  จำนวน 250 ล้านบาท ,โครงการ รีเกิล บางนา จำนวน 400 ล้านบาท ,โครงการรีเกิล สุขุมวิท 76  จำนวน 250 ล้านบาท และ โครงการรีเกิล อ่อนนุช-ศรีนครินทร์  จำนวน 125 ล้านบาท  คิดเป็นมูลค่ารวม 1,025 ล้านบาท

 

 

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*