แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ปรับลดแผนผุดโครงการปี64 เหลือ 12 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 20,660 ล้านบาท รุกหนักแนวราบโดยเฉพาะบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด อัดงบซื้อที่ดินปีนี้ 6,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมออกหุ้นกู้อีกจำนวน 12,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายรวมปีนี้แตะ 28,000 ล้านบาท และยอดรายได้ 30,000 ล้านบาท 
นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ
นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานคณะกรรมการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน)หรือ LH เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2564 ว่า จะเปิดตัวใหม่จำนวนทั้งสิ้น 12 โครงการ มูลค่ารวม 20,660 ล้านบาท(ลบ.) ซึ่งน้อยกว่าปี 2563 ที่ผ่านมา ที่เปิดตัว 16 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 28,620 ล้านบาท แบ่งแยกเป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 11 โครงการ และต่างจังหวัด 1 โครงการ ทั้งนี้หากแบ่งตามประเภทของที่อยู่อาศัยได้ดังนี้ (โครงการที่ Mix นับแยกตามประเภทสินค้า นับซ้ำโครงการ)

-โครงการบ้านเดี่ยว 5 โครงการ
-โครงการบ้านแฝด 2 โครงการ
-โครงการทาวน์เฮาส์ 5 โครงการ
-คอนโดมิเนียม 2 โครงการ

“ณ ต้นปี 2564 บริษัทฯมีโครงการที่เปิดดำเนินการอยู่ทั้งสิ้น 75 โครงการ โดยเป็นโครงการในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 45 โครงการ และต่างจังหวัด 30 โครงการ แต่เมื่อรวมโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในใน 2563 นี้อีก 12 โครงการ ก็จะรวมทั้งหมด 87 โครงการ โดยราคาเฉลี่ยต่อยูนิตที่ขายในปี 2564 เท่ากับ 7.0 ล้านบาท (ปี 2563 ราคาเฉลี่ยต่อยูนิต 7.5 ล้านบาท” นายนพร กล่าว
ในส่วนของแผนการลงทุนในการซื้อที่ดินเพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต ในทำเลต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด งบประมาณรวม 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้การพิจารณาซื้อที่ดิน บริษัทจะพิจารณาทำเลที่สามารถนำมาพัฒนาโครงการได้ทันทีและมีศักยภาพที่ดี

“ในปี 2564 นี้ บริษัทฯได้เตรียมงบลงทุนไว้ทั้งหมด 11,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบสำหรับซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประมาณ 6,000 ล้านบาท และงบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการใช้เช่าอีกจำนวน 5,000 ล้านบาท และมีแผนที่จะออกหุ้นกู้อีกจำนวน 12,000 ล้านบาท” นายนพร กล่าว

ทั้งนี้ในปี 2563 ที่ผ่านมาบริษัทฯใช้งบในการ ซื้อที่ดิน มูลค่าโดยรวม 4,600 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า มูลค่ารวม 2,200 ล้านบาท อีกทั้งยังออกหุ้นกู้ มูลค่ารวม 8,400 ล้านบาท ระยะเวลา 2-3 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 2.29% ต่อปี

และในส่วน บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด (LHMH) ได้ดำเนินการพัฒนาอีก 1 โครงการ คือ “แกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยท์ ลุมพินี” (Grande Centre Point Lumpini) ตั้งอยู่บนที่ดิน 6-2-73.5 ไร่ ในรูปแบบ Mixed Use ประกอบด้วย โรงแรม จำนวน 512 ห้อง อาคารสำนักงาน 13,000 ตารางเมตร มูลค่าการลงทุน 4,830 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ ไตรมาส1/2567

ขณะที่บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยูเอสเอ จำกัด ที่ LH ถือหุ้นอยู่ 100% ได้ขายโครงการอพาร์ตเมนท์ “The Mode Residence” ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ให้กับบุคคลที่ไม่มีความสัมพันธ์กับบริษัท ในราคา 80.05 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย ประมาณ 2,415 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนภาษีประมาณ 13.77 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 416 ล้านบาท

ด้านฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ สิ้นปี 2563 บริษัทและบริษัทย่อยมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 47,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ที่ประมาณ 92% และต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 2.3% โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายจ่ายด้านการลงทุนประมาณ 6,800 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายจ่ายในการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัย 4,600 ล้านบาท และรายจ่ายในการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า มูลค่ารวม 2,200 ล้านบาท ประกอบด้วย

-การลงทุนในการพัฒนาโครงการ Shopping Mall – Terminal 21 จำนวน 900 ล้านบาท
-การลงทุนในธุรกิจโรงแรมและอพาร์ตเมนต์ จำนวน 1,300 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามในปี 2564 นี้ บริษัทฯตั้งเป้าหมายยอดขายรวมไว้ที่ 28,000 ล้านบาท และยอดโอนกรรมสิทธิ์มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนของยอดขาย ในปี 2564 พิจารณาตามมูลค่า จำแนกตามประเภทที่อยู่อาศัย มีสัดส่วน ดังนี้
-บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 78%
-ทาวน์เฮาส์ 13%
-คอนโดมิเนียม 9%

“จากแผนการดำเนินงานของบริษัทฯคาดว่าในปี 2564 จะมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเมื่อสิ้นปี 2563 โดยจะมีต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยลดลงกว่าระดับเฉลี่ย ณ สิ้นปี 2563 เล็กน้อย” นายนพร กล่าวในที่สุด

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*