มั่นคงเคหะการฯ ประกาศผลการดำเนินงานปี63 สร้างรายได้รวมที่ 3,056.93 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้เพื่อขายที่อยู่อาศัยที่ 2,530.40 ล้านบาท, ธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการ ที่ 523.48 ล้านบาท แจงปีที่ผ่านมาสามารถเพิ่มจำนวนอัตราการเช่ามากกว่า 85% ทั้งมีการจัดตั้งกองทรัสต์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล เป็นผลสำเร็จ กางแผนปี64 เตรียมผุด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 2,347 ล้านบาท และขยายพื้นที่บางกอกฟรีเทรดโซนเพิ่มอีก 2 แห่ง จำนวน 120,000 ตร.. พร้อมส่งโครงการรักษ” (RAKxa) ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวม ลุยตลาดธุรกิจสุขภาพในประเทศเพิ่ม มั่นใจสิ้นปียังคงสร้างสัดส่วนรายได้ตามเป้า
นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์
 นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด(มหาชน) หรือ MK เปิดเผยถึงผลประกอบการ ปี 2563 (สิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม2563) ว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีผลการดำเนินงานจำนวน 3,056.93  ล้านบาท(ลบ.) โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย (Real Estate) จำนวน2,530.40 ล้านบาท   หากพิจารณาเฉพาะรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาลดลงเพียง 6.37% ในส่วนรายได้จากธุรกิจเพื่อเช่าและบริการ (Service & Recurring Income) จำนวน 523.48 ล้านบาท โดยเฉพาะรายได้จากโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน” (Bangkok Free Trade Zone (BFTZ) ซึ่งหากคิดรวมพื้นที่ที่ขายเข้ากองทรัสต์อีก 130,000 ตารางเมตร(ตร..) จะส่งผลให้รายได้ฝั่ง Service & Recurring Income มีอัตราเติบโตมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับปี 2562 เมื่อรวมกับโครงการพาร์ค คอร์ท สุขุมวิท 77” (Park Court Sukhumvit 77) ที่แม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ยังสามารถสร้างรายได้จำนวน 374.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.08 ล้านบาท หรือคิดเป็น9.7% และมีอัตราการเช่า (Occupancy rate) มากกว่า 85% สำหรับกองทรัสต์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล” (PROSPECT) ได้มีการจัดตั้งเป็นผลสำเร็จมูลค่ารวม 3,700 ล้านบาท ในขณะที่โครงการรักษ” (RAKxa) ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวม หลังเปิดบริการเพียง 2 เดือน มีค่าสมาชิกกว่า40 ล้านบาท

 

ในปีที่ผ่านมานับเป็นปีที่มีความท้าทายเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยปัจจัยลบต่างๆโดยเฉพาะสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมเป็นวงกว้างไปทั่วโลก สำหรับ มั่นคงฯ แม้ในส่วนธุรกิจฝั่งเพื่อขายจะมีอัตราการเติบโตที่ลดลง แต่ฝั่งธุรกิจเพื่อเช่าและบริการยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยิ่งนับเป็นการตอกย้ำถึงกลยุทธ์การดำเนินแผนธุรกิจเพื่อกระจายรายได้และลดความเสี่ยง ซึ่งบริษัทฯ มองว่ามาถูกทางแล้ว โดยมีรายได้ 374.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.08 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ 341.19 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.7% และมีอัตราการเช่า (Occupancy rate) มากกว่า 85% ที่สำคัญคือบริษัทย่อยพรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ได้ขายทรัพย์สินบางส่วนของบางกอกฟรีเทรดโซนจำนวนกว่า 130,000 ตารางเมตร คิดเป็น 45% ของโครงการทั้งหมดเข้าทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ (REIT)จำนวน 1,953.10 ล้านบาท มีกำไรจากการขายเป็นจำนวน 263.30 ล้านบาทนอกจากนี้พรอสเพคฯยังคงเป็นผู้ถือหุ้น 100% ในบริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด จึงส่งผลให้มีรายได้จากการบริหารทรัพย์สินของกองทรัสต์นี้อีกด้วย

 

นายวรสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนโครงการรักษศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวม ซึ่งเป็นความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ระหว่าง มั่นคงฯ, บำรุงราษฎร์และ ไมเนอร์ฯ แม้จะมีความล่าช้าในการเปิดตัวจากวิกฤติดังกล่าว แต่บริษัทฯ กลับมีความมั่นใจในธุรกิจนี้ เนื่องจากผู้บริโภคต่างหันกลับมาให้ความสนใจการดูแลสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับแผนแนวทางยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศไทย (..2560-2569) เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็น Medical Hub และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Medical and Wellness Tourism โดยหลังจากที่เปิดให้บริการเพียง 2 เดือนได้รับผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าภายในประเทศ มีค่าสมาชิกกว่า 40 ล้านบาท นับเป็นสัญญาณที่ดีในการวางแผนการตลาดต่อไป

 

ที่ผ่านมากลุ่มบริษัทมีสัดส่วนกำไรขั้นต้นจากธุรกิจที่มีรายได้ที่สม่ำเสมอและรายได้จากการให้บริการต่อรายได้จากการดำเนินการในทุกธุรกิจ (ไม่นับรวมรายได้จากการขายที่ดินเปล่า สิ้นปี 2563 คิดเป็น 29.4% เพิ่มขึ้น 4.5% จากสิ้นปี 2558 ที่สำคัญยังคงรักษาสภาพคล่อง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ โดยในปี 2563 สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายให้ลดลง 107.39 ล้านบาท  คิดเป็น 10.62%” นายวรสิทธิ์ กล่าว

 

สำหรับแผนการดำเนินงานปี 2564 บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,347 ล้านบาท ยังเน้นการชูจุดเด่นด้านทำเล รวมถึงแนวคิดภายใต้คอนเซ็ปต์สุขภาวะที่ดี” (Well-being) ที่มุ่งพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและรสนิยมของผู้บริโภคมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นด้านการออกแบบดีไซน์ ฟังก์ชั่น สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในโครงการ ในส่วนของพรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ผู้พัฒนาโครงการบางบางกอกฟรีเทรดโซนบนถนนบางนาตราด กม.23 จะก่อสร้างแล้วเสร็จเต็มพื้นที่ในไตรมาส 2 ของปี 2564 และมีแผนขยายโครงการเพิ่มอีก 2 โครงการ บนทำเล ถนนเทพารักษ์ และถนนบางนาตราด กม.19 ซึ่งอยู่ในระหว่างการพัฒนา โดยจะมีพื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้นประมาณ 120,000 ตารางเมตร ด้านโครงการรักษที่พร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้ว และยังมีแผนเชิงรุกเน้นสร้างการรับรู้และทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งล้วนเป็นกุญแจสำคัญเพื่อสนันสนุนให้รายได้จากการให้เช่าและบริการยังคงมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง

 

จากแผนดังกล่าวที่วางเอาไว้ จะเล็งเห็นได้ว่าบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นดำเนินงานตามยุทธศาสตร์พัฒนาธุรกิจ เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Development Roadmap)คือปรับสัดส่วนกำไรของทั้ง 2 ฝั่งอยู่ที่ 50/50 ภายใน ปี 2564นายวรสิทธิ์ กล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*