NCH เผยธุรกิจ “เวลเนส”มาแรง กลุ่มธุรกิจวงการแพทย์-อสังหาฯ สนใจร่วมทุนเพียบ

เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่งฯเผย 2 ปี ผุดธุรกิจเวลเนส 3 สาขา งบลงทุน 100 ล้านบาท ผลตอบรับดี เผยนักธุรกิจวงการแพทย์-อสังหาฯสนใจร่วมทุนเพียบ ตั้งเป้ารายได้ปี 64  จาก 3 สาขารวม 40 ล้านบาท

นายแพทย์สมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด(มหาชน)หรือ NCH เปิดเผยถึงทิศทางด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นในทุกปี ของประชากร ในประเทศไทย  ได้มองถึงโอกาสด้านการทำธุรกิจดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ ด้วยปี 2564 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ มีประชากรที่มีอายุ 60 ปี ถือเป็นสัดส่วน 20% และจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  เทรนด์ดูแลสุขภาพและสังคมผู้สูงอายุจะมีความกังวลเรื่องสุขภาพเมื่อมีอายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่มีความเปราะบางทางด้านสุขภาพ ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวจำเป็นต้องได้รับการดูแลมากเป็นพิเศษแต่ด้วยข้อจำกัดของครอบครัวเดี่ยวซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถดูแลได้อย่างเต็มที่  ขณะเดียวกันโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ ต้องรับภาระหนักในการดูแลรักษาผู้ป่วย เมื่ออาการดีขึ้นจึงจำเป็นต้องให้กลับไปฟื้นฟูต่อที่บ้าน เพื่อสงวนเตียงไว้รองรับผู้ป่วยที่มีอาการหนักกว่า ญาติอาจไม่มีความมั่นใจในการดูแลและฟื้นฟูสุขภาพด้วยตนเอง

จากกรณีดังกล่าวทำให้มองเห็นช่องว่างดังกล่าวว่าความต้องการในเรื่องการดูแลผู้สูงอายุ แต่ผู้ป่วยที่ต้องการบำบัดในระยะยาวยังมีอีกมาก ซึ่งในต่างประเทศนั้นจะมีบริการในรูปแบบของ Intermediate care ที่ดำเนินการมานานแล้ว แต่ประเทศไทยยังไม่เป็นที่นิยม ทางกลุ่มNCH จึงได้รุกธุรกิจดังกล่าวเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ศิริอรุณ เวลเนส จำกัด ในเครือ NCH  ด้วยทุนจดทะเบียน 25 ล้านบาท โดยเป็นการร่วมทุนกับ ดร.จุไรรัตน์ ศรีศิริ ผู้อำนวยการโรงเรียนเดอะแคร์การบริบาล จ.อุบลราชธานี  โดยกลุ่ม NCH ถือหุ้นสัดส่วน 60% และกลุ่มดร.จุไรรัตน์ ถือหุ้นสัดส่วน 40% ปัจจุบันเปิดให้บริการทั้งหมด 3 สาขา เป็นการลงทุนโดย NCH เอง 2 โครงการ และร่วมทุนกับพันธมิตร 1 โครงการ รวม 122 เตียง ใช้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท ได้แก่

1.ศิริอรุณ แคร์ สาขาอรุณอมรินทร์ จำนวน 23 ห้อง  41 เตียง

2.ศิริอรุณ แคร์ สาขาอุบลราชธานี จำนวน 42 เตียง

3.ศิริอรุณ เวลเนส สาขาอรุณอมรินทร์ จำนวน 27 ห้อง  39 เตียง

“ศิริอรุณ เวลเนส ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาสุขภาพ ที่คนในครอบครัวอาจต้องประสบ และเผชิญกับปัญหาเราจึงขอเป็นส่วนหนึ่งที่ได้เข้ามาให้บริการ และดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร  มั่นใจถึงความพร้อมในการดูแลฟื้นฟูสุขภาพ ในระยะเปลี่ยนผ่านจากโรงพยาบาลสู่บ้าน เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นในเร็ววัน อีกทั้งเพื่อให้ครอบครัวมีระยะเวลาในการเตรียมความพร้อมดูแลต่อที่บ้านได้อย่างถูกต้องตามหลักทางการแพทย์  อย่างถูกวิธี  ซึ่งทางเรามีระบบบริการสุขภาพที่ทันสมัย ใส่ใจ ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์  พร้อมทั้งมีแพทย์ที่คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดช่วงระยะพักฟื้นเพื่อสุขภาพกายและใจ ของผู้ใช้บริการได้ทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวได้อย่างมีความสุข” นายสมเชาว์ กล่าว

โดย ศิริอรุณ เวลเนส มีการรองรับให้บริการ แบ่งเป็น  4   กลุ่มด้วยกัน ราคาค่าบริการเริ่มต้นที่ 35,000-120,000 บาท/เดือน แล้วแต่แพ็กเกจที่เลือก ได้แก่

1.ผู้ที่อยู่ในระยะพักฟื้น

2.ผู้ที่รอพบแพทย์ตามนัด

3.ผู้ที่สุขภาพดีแต่อยู่ในช่วงของการตรวจพิเศษ หรือรักษาเฉพาะทาง

4.บริการดูแลผู้สูงอายุ ที่ต้องการใช้บริการอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ

นายแพทย์สมเชาว์ กล่าวต่อว่า การบริการที่ ศิริอรุณ เวลเนส มีความสะดวกสบาย มีส่วนพื้นที่รองรับการทำกายภาพบำบัด และทำกิจกรรมเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย ดูแลโดยทีมสหสาขาวิชาชีพ อาทิ แพทย์, พยาบาล นักกายภาพบำบัดชำนาญงาน มีนักกิจกรรมบำบัด มีการออกแบบโปรแกรมที่เหมาะสมสำหรับทุกท่านเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายให้กลับคืนสภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง  และทีมดูแลโภชนาการด้านอาหารเฉพาะกลุ่ม พนักงานผู้ช่วยทางการพยาบาล ซึ่งผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติทุกท่าน  ธุรกิจเวลเนส จึงเข้ามาตอบรับความต้องการเรื่องสุขภาพ และดูแลผู้สูงอายุ  อีกทั้งเราได้มีพันธมิตรทางการแพทย์ที่มากด้วยประสบการณ์ของทีมงานแพทย์ พยาบาล ดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด บริการสุขภาพครบวงจร เพื่อช่วยให้เกิดการฟื้นฟูสุขภาพ ดีขึ้น และกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

สำหรับในส่วน “ศิริอรุณ เวลเนส” สาขาที่ 3 บริเวณถนนอรุณอมรินทร์ เป็นอาคารสูง 6 ชั้น พื้นที่ใช้งานภายในตัวอาคารขนาด 2,000 ตารางเมตร ซึ่งมองทิศทางการเติบโตธุรกิจสุขภาพ Wellness ในปีนี้ ถือเป็นจังหวะที่ดี โดยไตรมาสแรก สามารถ เปิดบริการห้องได้ถึง 27 ห้อง  39 เตียง  และเมื่อรวมทั้ง 3 ศูนย์ที่เปิดแล้ว ประมาณ 122  เตียง โดยในปี 2564 นี้ตั้งเป้ารายได้จากทั้ง 3 สาขาที่ 40 ล้านบาท

นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ NCH กล่าวว่า การมีพันธมิตรเป็นเรื่องสำคัญ และมีความชัดเจนในการขยายธุรกิจ แต่ธุรกิจต้องใช้เวลาในการสร้างความเชื่อมั่น สร้างความน่าเชื่อถือ จากคนไทย ซึ่งจากการเปิดตัวที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งยังไม่ได้มองว่าราคาที่สูงหรือต่ำกว่าที่อื่นมากกว่า โดยในแต่ราคาถูกกว่าการให้บริการในโรงพยาบาลหลายแห่ง ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้ ถือเป็นการแบ่งเบาภาระให้คนไข้ได้ฟื้นตัวได้เร็วที่สุด

“ธุรกิจเวลเนสไม่ใช่แค่สร้างเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ แต่เป็นเรื่องของการดูแลกลุ่มผู้ป่วยตามอาการต่างๆ อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการด้วย เพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติได้ โดย 2 ปี ที่ผ่านมาเราเปิดถึง 3 สาขา ถือว่าใช้ระยะเวลาอันสั้นมาก โดยขอใช้เวลาในการสร้างควาแข็งแกร่งของแบรนด์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือก่อน  ซึ่งโอกาสก็จะตามมา โดยในครึ่งปีหลังคงดูสถานการณ์และดีมานด์อีกครั้งหนึ่ง ขณะนี้มีผู้สนใจมาร่วมทุนในธุรกิจเวลเนสเป็นจำนวนมากทั้งในวงการแพทย์และธุรกิจอสังหาฯ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้” นายสมนึก กล่าว