อัลติจูดฯเผยภาพรวมตลาดอสังหาฯปี64 เติบโตไม่ถึง 10% พร้อมปรับตัวรับมือโควิด-19 ระลอก3 รุกผุดแนวราบ 2 โครงการใหม่ย่านกลางเมือง รวมมูลค่า 998 ล้านบาท พร้อมเดินหน้ารุกธุรกิจ Turnkey Asset Development  ต่อเนื่อง มีเจ้าของทำดิน-โรงแรมนำเสนอพัฒนาหลายราย คาดรอจังหวะและโอกาส ล่าสุดผนึกกลุ่มคีนน์ นำนวัตกรรม “ไฮจินิก โฮม”สร้างความปลอดภัยจากเชื้อโรคในที่อยู่อาศัย นำร่อง “อัลติจูด ซิมโฟนี เจริญกรุง”
นายชยพล หรรรุ่งโรจน์
นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์ “ALTITUDE” เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯในปี 2564 ว่า เดิมคาดการณ์ว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น แต่จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ส่งผลให้อัตราการเติบโตที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 2 หลัก เหลือเพียงตัวเลขหลักเดียวไม่ถึง 10%  ขณะเดียวกันผู้ประกอบการยังมีการเร่งผลักดันให้ต่างชาติเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัย ก็จะยิ่งเป็นปัจจัยบวกมากขึ้น ในส่วนของบริษัทเองฯยอมรับว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 อาจะทำให้ปรับแผนการเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการ เป็นการใช้ระบบออนไลน์มากขึ้น ซึ่งไม่มีผลกระทบมากนัก เพราะการแพร่ระบาด 2 ครั้งที่ผ่านมา บริษัทฯได้ปรับตัวรับมือมาแล้ว

โดยในปีนี้บริษัทฯจะรุกโครงการแนวราบมากขึ้น ซึ่งเตรียมเปิดเซกเมนต์ใหม่ล่าสุด 2 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 998 ล้านบาท ได้แก่

1.โครงการอัลติจูด ฟอเรสต์ รัชดา พัฒนาในรูปแบบเทิร์นคีย์ ซึ่งเป็นที่ดินของกลุ่มนักลงทุนกลุ่มเล็ก บนพื้นที่ 4 ไร่เศษ พัฒนาเป็นพรีเมียมทาวน์โฮม ขนาด 26-50 ตารางวา จำนวน 39 ยูนิต มูลค่าเริ่มต้น 15-30 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 600 กว่าล้านบาท

2.โครงการอัลติจูด ฟอเรสต์ อารีย์-โมนูเมนต์ เป็นการพัฒนาเอง 100% บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ ขนาด 35-40 ตารางวา เพียง 10 ยูนิตเท่านั้น มูลค่าเริ่มต้น 28-35 ล้านบาท มูลค่าประมาณ 300 ล้าบาท

“คอนเซ็ปต์การออกแบบโครงการโดยใช้หลักจิตวิทยาในการสร้างบ้าน เพื่อเจาะลูกค้ากลุ่ม“ยูนีค” (UNIQUE)  ทั้งสองโครงการได้ผสาน 2 แนวคิดหลักที่เป็นคอนเซ็ปต์ ในการออกแบบโครงการเพื่อตอบโจทย์ความเป็นเอกลักษณ์ของผู้อยู่อาศัยและให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในทุกแง่มุมของการใช้ชีวิต 1.MIND-SPACE พื้นที่ว่างเปล่า “พื้นที่ที่ให้ทุกวินาทีมีความหมาย” ให้คุณเติมเต็มด้วยจิตใจและเป็นตัวเองมากที่สุด 2.พร้อมด้วยเทคโนโลยี GREENERY SPHERE เทคโนโลยีสะอาดหมุนเวียน พร้อมด้วยเทคโนโลยีความสะอาดหมุนเวียน นวัตกรรมไฮจีนิกโฮม (HYGIENIC HOME) อีกทั้งเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอีกมากมาย เพื่อการอยู่อาศัยที่ยั่งยืน ซึ่งมาพร้อมส่วนกลางที่เต็มอิ่มกับความสงบ โดยบ้านต้นไม้ที่ดีไซน์ด้วยกระจกทั้งหลังโอบล้อมต้นไม้ใหญ่ ดีไซน์ของบ้านที่ออกแบบมาอย่างเข้าใจทั้งทิศทางลม และการรับแสงแดดเป็นอย่างดี เป็นพื้นที่ที่ให้ลูกบ้านได้มาทำกิจกรรมร่วมกันในระยะยาว” นายชยพล กล่าว

นายชยพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาการพัฒนาโครงการผ่านโมเดลธุรกิจ Turnkey Asset Development ร่วมกับเจ้าของที่ดินนั้น ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับดีมาก มีเจ้าของที่ดินทำเลดีนำที่ดินมาเสนอเป็นจำนวนมาก ซึ่งการดำเนินธุรกิจในรูปแบบดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทเติบโตไปข้างหน้า แต่ทั้งนี้การพัฒนาต้องขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เหมาะสมด้วย  ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาทั้งในรูปแบบของครอบครัวและในรูปแบบบริษัท โดยมีอยู่ 2 กลุ่มที่คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆนี้  แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจโรงแรม ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ซึ่งยังมีที่ดินที่เหลือเหลือจากการพัฒนาโรงแรม  ก็สนใจที่จะนำมาพัฒนาในรูปแบบของมิกซ์ยูสด้วย แต่ทั้งนี้ต้องมีการเจรจากับเจ้าหนี้ซึ่งเป็นสถาบันการเงินก่อน

“ที่ดินที่จะนำมาพัฒนาในระบบเทิร์นคีย์ได้ต้องมีมูลค่าประมาณ 60 ล้านบาท สามารถนำมาพัฒนาโครงการมูลค่า 300 ล้านบาทได้ หากน้อยกว่านี้จะไม่คุ้มค่ากับการลงทุน สำหรับการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาคอนโดฯของบริษัทนั้น ในปีนี้คงเลื่อนไปก่อน ปีนี้คงเน้นพัฒนาโครงการแนวราบ และเร่งทยอยโอนคอนโดฯมากกว่า” นายชยพล กล่าว

จากความสำเร็จของโครงการอัลติจูด คราฟ บางนา ซึ่งเป็นที่ดินของตระกูลดัง ย่านเมกะบางนา บนพื้นที่ 39 ไร่ พัฒนาเป็นทาวน์โฮม ราคา 2.89-5 ล้านบ3าท จำนวน 402 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,469 ล้านบาท ซึ่งทดลองเปิดให้จองก่อนพรีเซลเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งยอดขายแรงต่อเนื่องจากปลายปี 2563 ที่ผ่านมา สร้างยอดขายในปัจจุบัน ณ สิ้นไตรมาส 1/2564 รวมทั้งสิ้น 540 ล้านบาท  พร้อมปิดโครงการโฮมออฟฟิศ พรูฟ พระราม 9 และบ้านเดี่ยวสุดหรู อัลติจูด มาสเตอรี่ พหลโยธิน 24 โดยโปรเจกต์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพร้อมอยู่พร้อมโอน 5 โครงการปลายปีนี้ ได้แก่ อัลติจูด พรูฟ สาทร,อัลติจูด ซิมโฟนี เจริญกรุง, อัลติจูด สาทร-ท่าพระ, อัลติจูด คราฟ บางนา ทาวน์โฮม และอัลติจูด มาสเตอรี สุขุมวิท มียอดจองแล้วประมาณ 100 ล้านบาท  คาดว่าจะปิดยอดขายปลายปีนี้ให้ได้ตามเป้าหมาย 2015 ล้านบาท

นอกจากนั้น เพื่อตอบรับสถานการณ์ในปัจจุบันที่โลกเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา อัลติจูดได้ปรับกลยุทธ์การขายวิถีใหม่ REAL LIVE 720 DEGREE” หรือ นวัตกรรมเรียลไลฟ์ 720 องศา ภายใต้แนวคิด ANYONE CAN BUY ANYWHERE & ANYTIME ซึ่งเป็นนวัตกรรมเยี่ยมชมโครงการที่สามารถสัมผัสประสบการณ์เสมือนจริง 720 องศา ทั้งการชมบ้านตัวอย่าง ชมส่วนกลางเสมือนจริงได้รอบทิศทาง และสามารถทำ POP UP SPACE ออกแบบบ้านตามไลฟ์สไตล์ที่ชอบด้วยตัวเอง นับเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ของรูปแบบการขายให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ที่เหนือกว่าของการซื้อที่อยู่อาศัย โดยนำร่องนวัตกรรมชมบ้านแบบเรียลไลฟ์ 720 องศา กับแบรนด์น้องใหม่ อัลติจูด คราฟ บางนา (PREMUIM AFFORDABLE TOWNHOME)  ซึ่งเปิดตัวเมื่อช่วงปลายปี 2563 ถือว่าประสบความสำเร็จในการขายก่อนเปิดโครงการจริง (EARLY BIRD) ด้วยยอดขายต่อเนื่องถึงปัจจุบันกว่า 540 ล้านบาท พร้อม SOLD OUT จำนวน 125 ยูนิต ซึ่งเป็นการขายคละแบบบ้าน 3 แบบ จากทั้งหมด 402  ยูนิต ในโครงการ โดยมีมูลค่าโครงการรวม 1,469 ล้านบาท และเตรียมนำนวัตกรรมนี้ไปใช้กับทุกโครงการที่จะเปิดใหม่

อีกทั้งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันพฤติกรรมผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ปรับเปลี่ยนและเรียนรู้วิถีชีวิตแบบนาว์นอร์มอล (NOW NORMAL) มีผลกระทบมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการผันเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัล ทำให้ผู้คนนิยมอยู่อาศัยในบ้านมากขึ้น และออกจากบ้านน้อยลง เพื่อลดความเสี่ยง บริษัทฯ เล็งเห็นจุดเปลี่ยนสำคัญนี้จึงพัฒนาบ้าน ไฮจีนิก โฮม และ คอมมูนิตี้ (HYGIENIC HOME & COMMUNITY) บ้านแห่งอนาคตเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยที่ปลอดภัยมากกว่าเดิมสำหรับทุกคน ภายใต้แนวคิด EVERYONE CAN SAFE AT HOME บริษัทฯจึงได้ร่วมมือกับบริษัท คีนน์ จำกัด ผู้นำนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม พัฒนานวัตกรรม ไฮจินิก โฮม ที่มีชื่อเสียงระดับโลกด้วยรางวัลเกียรติยศโดดเด่นในระดับอาเซียน โดยเริ่มที่ “อัลติจูด ซิมโฟนี เจริญกรุง” เป็นโครงการนำร่องในการพัฒนา และนำไปใช้กับทุกโครงการที่กำลังก่อสร้าง

อย่างไรก็ตามในส่วนของยอดขายในปี 2564 คาดว่าจะสามารถทำได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2563 ที่ทำได้ 1,900 ล้านบาท

นายขวัญชัย เจริญยิ่งถาวรชัย

ด้านนายขวัญชัย เจริญยิ่งถาวรชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า จากการดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์ TURNKEY ASSET DEVELOPMENT ตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นมา และใช้แนวคิด “CUSTOMIZE LIVING” ผ่านการสร้างโปรดักส์ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นและดีไซน์ ให้เหมาะกับชีวิตที่สุด และช่วยให้นักลงทุนเพิ่มศักยภาพของสินทรัพย์ได้ จึงทำให้อัลติจูดประสบความสำเร็จในการสร้างยอดขายจากการรุกตลาดคอนโดฯและพรีเมียมทาวน์โฮม ล่าสุดเพื่อเสริมความแข็งแกร่งและวางเป้าหมายครอบคลุมทุกเซกเมนต์มากยิ่งขึ้น อัลติจูดจึงมีแผนรุกตลาดบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมในระดับราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นระดับราคาที่มีดีมานต์ในตลาด และมีศักยภาพในการซื้อเห็นได้จากความสำเร็จจากการปิดขายโฮมออฟฟิศอย่าง อัลติจูด พรูฟ พระราม 9 ในระดับราคา 13.9 – 17.9 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว อัลติจูด มาสเตอรี่ พหลโยธิน ในระดับราคา 28 ล้านบาท

“ในปีนี้เป็นปีของตลาดของลูกค้าซื้ออยู่เอง โดยเฉพาะในเซกเมนต์ระดับบนราคาที่ผู้ซื้อมีศักยภาพตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป นับเป็นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การซื้อเพื่ออยู่อาศัยอย่างแท้จริง อัลติจูดเชื่อมั่นว่า จากจุดเด่นและความแข็งแกร่งในการลด Pain Point และการช่วยลดต้นทุนการใช้ชีวิต ทั้งหมดมาจากความเข้าใจถึงความต้องการลูกค้าอย่างแท้จริงจนพัฒนาสินค้าได้อย่างตรงจุด สู่การออกแบบที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยได้จริง”นายขวัญชัย กล่าวในที่สุด

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*