สถานทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย เริ่มก่อสร้างอาคารหลังใหม่บนที่ดินเดิม คิดเป็นเม็ดเงินก่อสร้างประมาณ 18,750 ล้านบาท  หวังเป็นศูนย์กลางมิตรภาพ 2 ประเทศ ด้วยจุดเด่นผสานความเป็นไทยและการก่อสร้างชั้นเลิศของอเมริกา รองรับมาตรฐานอาคารอนุรักษ์พลังงานสิ่งแวดล้อมระดับ Silver คาดก่อสร้างแล้วเสร็จปี 68
มร.ไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า เมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมาสถานทูตสหรัฐฯ เริ่มก่อสร้างอาคารหลังใหม่บนที่ดินเดิมของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย โดยอาคารดังกล่าวจะส่งเสริมการเดินหน้ายกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และไทย ทั้งทางการทูต ความมั่นคง และการพาณิชย์ ตลอดจนสานไมตรีระหว่างสหรัฐและชาวไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ด้านการออกแบบร่วมสมัยของอาคารดังกล่าวได้รับแรงบันดาลใจมาจากมรดกทางสถาปัตยกรรมไทย โดยผสมผสานขนบไทยเข้ากับสถาปัตยกรรม วิศวกรรม เทคโนโลยี และการก่อสร้างชั้นเลิศของอเมริกา โครงการนี้มีเป้าหมายที่จะก่อสร้างอาคารให้ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมระดับ Silver ภายใต้มาตรฐาน Leadership in Energy and Environmental Design (LEED) และมีองค์ประกอบมากมายที่ออกแบบมาเพื่อให้อาคารมีความยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยอาคารหลังใหม่จะเป็นที่ทำการของหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ในหลากหลายพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ และรวมการปฏิบัติงานเข้ามาที่ศูนย์กลาง อีกทั้งเสริมสร้างความร่วมมือระดับทวิภาคีต่อไป

ทั้งนี้คาดว่า อาคารดังกล่าวจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2568 โดยจะพัฒนาพื้นที่สำหรับบริการด้านกงสุลและภารกิจทางการทูตให้ทันสมัย รวมถึงสะท้อนความสำคัญของพันธมิตรอันยาวนานของเรากับราชอาณาจักรไทย ด้วยมิตรภาพกว่า 2 ศตวรรษ สหรัฐฯ และไทยได้กระชับความร่วมมือในทุกภาคส่วน ตั้งแต่การค้าระดับทวิภาคี ไปจนถึงการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ และการสาธารณสุข อาคารหลังใหม่จะเป็นที่ทำการของหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ในหลากหลายพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ และรวมการปฏิบัติงานของเราเข้ามาที่ศูนย์กลาง อีกทั้งเสริมสร้างความร่วมมือระดับทวิภาคีต่อไป

เนื่องจากประเทศไทยได้ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในด้านการเงิน สื่อ โลจิสติกส์ และการคมนาคม อีกทั้งกรุงเทพฯ ยังเป็นที่ตั้งขององค์การระหว่างประเทศหลายแห่ง สหรัฐฯ จึงได้ใช้สถานเอกอัครราชทูตฯ เป็นศูนย์กลางการดำเนินงานระดับภูมิภาคมาเป็นเวลานาน มากกว่าครึ่งของพนักงานสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยมีหน้าที่รับผิดชอบงานระดับภูมิภาค ซึ่งรวมไปถึงการบริหารจัดการความช่วยเหลือด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ การสนับสนุนการตั้งถิ่นฐานใหม่ของผู้ลี้ภัยทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การประสานงานด้านการบังคับใช้กฎหมายเพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ตลอดจนการระดมเงินทุนภาคเอกชนเพื่อช่วยแก้ไขความท้าทายด้านการพัฒนาที่สำคัญ ๆ

อาคารใหม่ของสถานทูตที่ออกแบบอย่างทันสมัยแห่งนี้จะเป็นที่ตั้งของหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ร่วมมือกับประเทศไทยและอาเซียนเพื่อยกระดับประเด็นสำคัญของภูมิภาค รวมทั้งการปรับปรุงด้านสาธารณสุข การจัดการกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม และการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ อาคารนี้ออกแบบให้สะท้อนถึงสถาปัตยกรรมแบบไทยเดิม และหวังว่าอาคารหลังใหม่นี้จะเป็นสัญลักษณ์และศูนย์กลางของมิตรภาพระหว่างไทยกับสหรัฐฯ อย่างยืนยาวในอนาคต

การก่อสร้างอาคารหลังนี้ยังจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ สหรัฐฯ จะใช้งบประมาณ 625 ล้านเหรียญ (หากเทียบอัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญเท่ากับ 30 บาท จะอยู่ที่ 18,750 ล้านบาท) ในการก่อสร้างโครงการดังกล่าว และว่าจ้างคนงานไทยประมาณ 2,000 คนตลอดระยะเวลาการก่อสร้าง

“การออกแบบร่วมสมัยของอาคารได้รับแรงบันดาลใจมาจากมรดกทางสถาปัตยกรรมไทย โดยคำนึงถึงสภาพอากาศของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังเป็นการผสมผสานขนบไทยเข้ากับสถาปัตยกรรม การออกแบบ วิศวกรรม เทคโนโลยี และการก่อสร้างชั้นเลิศของอเมริกา โครงการนี้มีเป้าหมายที่จะก่อสร้างอาคารให้ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมระดับ Silver ภายใต้มาตรฐาน Leadership in Energy and Environmental Design (LEED) และมีองค์ประกอบมากมายที่ออกแบบมาเพื่อให้อาคารมีความยั่งยืนยิ่งขึ้น แม้พิธีเปิดหน้าดินอย่างเป็นทางการจะเลื่อนออกไปเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด แต่ได้มีการจัดพิธีบวงสรวงไปแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เฉลิมฉลองการเริ่มก่อสร้างร่วมกับภาคีชาวไทยในเดือนต่อ ๆ ไปหลังจากนี้”มร.ไมเคิล กล่าวในที่สุด

*** เครดิตข่าวภาพ : มติชนออนไลน์

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*