ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (
REIC)
กล่าวว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 มีความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของอุปทานที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ที่เข้าสู่ตลาดในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอก 3 และ 4 โดยมีที่อยู่อาศัยใหม่เข้าสู่ตลาดเพียง 18,713 ยูนิตเท่านั้น ลดลง 4.7% และมีมูลค่ารวม 86,419 ล้านบาท ลดลง 5.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ส่งผลให้จำนวนที่อยู่อาศัยที่เปิดขายในตลาดมีจำนวนรวม 194,779 ยูนิต ลดลง -5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 114,987 ยูนิต ในจำนวนนี้เป็นทาวน์เฮ้าส์มากที่สุด 66,120 ยูนิต และบ้านเดี่ยว 29,214 ยูนิต   ส่วนอาคารชุดมีจำนวน 79,792 ยูนิต

โดยสินค้าที่อยู่ระหว่างการขายจะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯมากที่สุด 57,104 ยูนิต กระจายอยู่ในโซนพื้นที่ห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง เป็นจำนวนมากถึง 10,837 ยูนิต รองลงมาเป็นพื้นที่สมุทรปราการ 8,533 ยูนิต สินค้าหลักๆจะอยู่ในโซนเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ประมาณ 6,793 ยูนิต และนนทบุรีจำนวน 7,791 ยูนิต ซึ่งจะกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่เมืองนนทบุรีและปากเกร็ดประมาณ 6,775 ยูนิต

ระดับสินค้าที่เปิดขายมากที่สุดจะอยู่ในช่วงราคา 2-3 ล้านบาท มีจำนวนมากถึง 25,912 ยูนิต และราคา 3-5 ล้านบาท มีจำนวน 17,908 ยูนิต ส่วนราคา 1.51-2 ล้านบาทมีประมาณ 9,797 ยูนิต

ขณะที่หน่วยสินค้าขายได้ใหม่ลดลงทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า โดยมีจำนวนสินค้าขายได้ทั้งหมด 29,776 ยูนิต ลดลง 9.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มียอดขาย 32,758 ยูนิต แบ่งเป็นคอนโดฯ 14,526 ยูนิต บ้านจัดสรร 15,250 ยูนิต ในจำนวนนี้เป็นบ้านเดี่ยวขายได้มากที่สุด 4,062 ยูนิต  คิดเป็นมูลค่ายอดขายรวม 144,651 ล้านบาท ลดลง 9.0%

ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขายอยู่ในตลาดประมาณ 165,003 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 826,809 ล้านบาท โดยหน่วยอาคารชุดเหลือขายลดลง 10.7% ขณะที่หน่วยบ้านจัดสรรเหลือขายลดลง 0.3%เท่านั้น ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่ผู้ประกอบการปรับตัวโดยการลดจำนวนเปิดตัวใหม่ของอาคารชุดลง แต่ปรับกลยุทธ์หันไปพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรเข้ามาสู่ตลาดมากเพิ่มขึ้น

ดังนั้นศูนย์ข้อมูลฯจึงได้ประเมินว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะมีสินค้าเหลือขายในตลาดประมาณ 171,283 ยูนิต มูลค่าประมาณ 836,530 ล้านบาท แบ่งเป็นอาคารชุด 71,539 ยูนิต มูลค่า 320,458 ล้านบาท และบ้านจัดสรร 99,744 ยูนิต มูลค่า 516,072 ล้านบาท

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*