บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร เปิดแผนธุรกิจปี’65 ดึงผู้บริหารรุ่นใหม่ร่วมวางยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตทุกช่องทางขายรองรับตลาดวัสดุก่อสร้างส่งสัญญาณฟื้นตัว นำเทคโนโลยีมาช่วยวิเคราะห์ยอดขาย-เพิ่มตัวแทนจำหน่ายรายย่อย และ IoT เพื่อยกระดับโรงงานสู่ Smart Factory ตั้งเป้าทั้งปีรายได้โต 5% หลังปี 64 ทำนิวไฮสวนกระแสโควิด19 มีรายได้รวม 4,825.45 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 585.44 ล้านบาท

นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์และบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ บอร์ดตกแต่งผนัง อิฐมวลเบา คานทับหลัง เคาน์เตอร์มวลเบาสำเร็จรูป ภายใต้เครื่องหมายการค้า ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทได้วางเป้าหมายรายได้เติบโต 5% และอัตรากำไรขั้นต้น 27-29 % เพราะมั่นใจว่าทิศทางของตลาดวัสดุก่อสร้างเริ่มฟื้นตัว แม้จะต้องเผชิญกับราคาวัตถุดิบและค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น

โดยมีปัจจัยบวกจากมาตรการเปิดประเทศเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของไทย รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการ LTV โครงการบ้านแนวทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์มีความต้องการซื้อจากกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น รวมถึงร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างโมเดิร์นเทรดมีแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้บริษัทได้เตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการทุกด้านให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยทั้งปีไม่ต่ำกว่า90% เพื่อให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยต่ำ รวมทั้งได้แต่งตั้งทีมผู้บริหารคนรุ่นใหม่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจในแต่ละสายงานทั้งสายการขายและการตลาด สายการผลิตและวิศวกรรม และสายการบริหารกลาง

นอกจากนี้บริษัทจะใช้เทคโนโลยีด้านไอทีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ทั้งการขายและการตลาด การบริหารจัดการต้นทุนและวางแผนการผลิต เช่น นำเทคโนโลยีมาใช้วิเคราะห์ข้อมูลยอดขายแต่ละพื้นที่ เพื่อวางแผนเพิ่มร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างรายย่อยในพื้นที่ที่มีศักยภาพเติบโต ซึ่งปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายหลักอยู่  838 ราย และร้านค้ารายย่อย 6,000 รายทั่วประเทศ รวมทั้งได้นำหุ่นยนต์ Robotic มาช่วยบรรจุครอบหลังคาคอนกรีต ยกกระเบื้องหลังคาจากการทำสี  และ IoT เพื่อยกระดับโรงงานสู่ Smart Factory

“บริษัทมั่นใจในศักยภาพการดำเนินงานด้วยจุดแข็งด้านแบรนด์และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภค และการบริหารจัดการด้าน Product Mix ควบคู่กับการรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 80-90% รับมือความเสี่ยงจากปัจจัยต้นทุน เพื่อผลักดันให้บริษัทเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้”

ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานผลิตอยู่ 3 แห่ง คือ โรงงานที่สระบุรี มีกำลังการผลิต 1,050,000 ตันต่อปี รองรับการผลิตกระเบื้องหลังงคา Board& Atificial Wood เป็นต้น โรงงานที่เชียงใหม่ มีกำลังการผลิต 50,000 ตันต่อปี และโรงงานที่ขอนแก่น มีกำลังการผลิต 50,000 ตันต่อปี

ส่วนผลการดำเนินงานปี 2564 ที่ผ่านมาบริษัทสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยทำรายได้รวม 4,825.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.44% และมีกำไรสุทธิ 585.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.03% เมื่อเทีบบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยรายหลักมาจากการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายหรือ Agent มากที่สุดถึง  2,572 ล้านบาท และร้านโมเดิร์นเทรดอีก 762 ล้านบาท

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*