รับสร้างบ้านปีเสือแข่งดุ หวั่นสงครามกระทบ หลัง Q1/65 จ่อปรับราคาขึ้น 5%

แลนดี้ โฮมฯเผยภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านปี65 ผู้ประกอบการรับเหมาฯแห่อัปเกรดขึ้นเป็นบริษัทรับสร้างบ้านผ่านการทำตลาดช่องทางออนไลน์ ที่ใช้งบประมาณน้อย ไม่ต้องมีโชว์รูมมากขึ้น ระบุบางรายแอบดัมพ์ราคาสู้รายใหญ่ แต่ไม่หวั่นเพราะเน้นเรื่องนวัตกรรม –ความมั่นคง ห่วงสงครามระหว่างรัสเซีย–ยูเครน ส่งผลน้ำมันแพง กระทบทุกอุตสาหกรรม หลังไตรมาส 1/65 จ่อปรับราคารับสร้างบ้านขึ้น 5% ล่าสุดเปิดตัวแบบบ้าน Pool Villa Series ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ช่วงโควิด-19 พร้อมตั้งเป้ายอดขายปีเสือแตะ 2,750 ล้านบาท

นางสาวพรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านปี 2565 ว่า จะมีการแข่งขันที่สูงมากขึ้น จากการที่ผู้รับเหมาก่อสร้างรายย่อยได้มีการอัปเกรดตัวเอง ด้วยการสร้างแบรนด์ขึ้นมาเป็นบริษัทรับสร้างบ้าน ผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น ซึ่งไม่ต้องใช้งบประมาณมากนัก และไม่ต้องมีโชว์รูมเหมือนผู้ประกอบการรายใหญ่ ส่งผลให้บางรายมีการดัมพ์ราคาที่ถูกกว่าบริษัทรับสร้างบ้านทั่วไป ซึ่งบริษัทเหล่านี้เริ่มดำเนินการให้เห็นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาแล้ว โดยมีทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัด

นอกจากนี้ตลาดรับสร้างบ้านยังต้องประสบกับปัจจัยลบในเรื่องของต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากการสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น จึงส่งผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรม  แต่บริษัทฯก็พยายามที่จะควบคุมต้นทุนดังกล่าวให้ได้ และก่อสร้างบ้านตามมาตรฐาน ตามราคาที่ได้ตกลงไว้กับลูกค้า โดยไม่มีการลดต้นทุนด้วยการปรับเปลี่ยนใช้วัสดุก่อสร้างที่ด้อยคุณภาพอย่างแน่นอน แต่จะใช้วิธีการบริการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ในการควบคุมต้นทุนของบริษัทฯด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ ซึ่งผู้ประกอบการรายเล็กจะไม่สามารถดำเนินการได้  และเชื่อว่าหากสงครามระหว่างทั้ง 2 ประเทศดังกล่าวยังไม่ยุติลง ราคาก่อสร้างบ้านก็จะปรับสูงขึ้นอย่างแน่นอน โดยบริษัทฯเองก็จะตรึงราคาเดิมไว้จนถึงปลายไตรมาส 1/2565 นี้ หลังจากนั้นก็จะปรับขึ้นมาอีกประมาณ 5%

แต่จากปัจจัยลบดังกล่าวจะช่วยทำให้ลูกค้ารีบตัดสินใจสร้างบ้านได้เร็วขึ้น โดยจะเลือกบริษัทที่น่าเชื่อถือและมั่นคง ทั้งนี้ลูกค้าของบริษัทฯส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล สัดส่วน 90% และต่างจังหวัด ประมาณ 10% แต่จากต้นปี 2565 ที่ผ่านมา เริ่มมีลูกค้าจากพื้นที่ปริมณฑลเข้ามาใช้บริการมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นบ้านระดับราคา 6-15 ล้านบาท  รองลงมาจะเป็นกลุ่มบ้านหลังใหญ่

“แม้ว่าตลาดรับสร้างบ้านจะมีการแข่งขันที่มากขึ้น แต่เรามั่นใจว่าไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด เพราะไม่ได้แข่งขันในเรื่องราคา แต่เราจะแข่งขันในเรื่องนวัตกรรม และความมั่นคง แม้ปีที่ผ่านมาธุรกิจรับสร้างบ้านได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 แต่บริษัทฯก็สามารถเจาะกลุ่มตลาดบ้านหรูซึ่งโตสวนกระแส รวมถึงกลุ่มลูกค้าทราบข่าวการปรับราคาสร้างบ้านในปี 2564 ขึ้น 3-5% ซึ่งคาดว่าในปีนี้ภาพรวมตลาดจะมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าปี 2564 ประมาณ 5-10%” นางสาวพรรัตน์ กล่าว

ประกอบกับการจัดแคมเปญกระตุ้นการตัดสินใจจองสร้างบ้านในไตรมาสที่ 3 และ 4 ปี 2564 ที่ผ่านมา ควบคู่กับการติดตามลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ปรับปรุงพัฒนาแบบบ้านให้ตรงใจลูกค้ามากที่สุดและเพิ่มช่องทางในการพูดคุยกับทางลูกค้าบน Online ผ่านทาง Google Meet ทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจได้ทันทีไม่ต้องเข้ามาที่สาขาส่งผลให้ผลประกอบการปี 2564 เติบโตกว่า 20% คิดเป็นมูลค่ายอดขายกว่า 2,500 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 2,350 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนตามมูลค่าการปลูกสร้าง ดังนี้ บ้านหรูขนาดใหญ่ Brand Landy Grand ราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป สัดส่วน 28%,บ้านขนาดกลาง Brand Landy Home ราคา 5 – 10 ล้านบาท สัดส่วน 47% บ้านหลังเล็ก Brand Trendy Home ราคา 2-5 ล้านบาท สัดส่วน 25 %

สำหรับปี 2565 บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2,750 ล้านบาท โดยเน้นนโยบาย Go Green ขยายฐานลูกค้าในกลุ่มตลาดบ้าน Green Living ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ด้วยเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย อย่าง Solar Roof และ EV chargers เป็นต้น พร้อมตั้งเป้าเป็นผู้นำด้าน E-commerce ทั้งนี้คาดว่าในครึ่งปีแรกจะสามารถปิดยอดขาย 1,200 ล้านบาท

ด้านนางสาวภัทรา มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ แนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศไทยและทั่วโลกต่างผันผวนและยังไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ได้ ทางบริษัทจึงมีการปรับกลยุทธ์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อแข่งกับสภาพตลาด ทำธุรกิจด้วยความรวดเร็วและปรับตัวเร็วทันต่อสถานการณ์ ส่งผลให้ยอดขายโตสวนกระแส มาจากการขยับและเดินเกมเร็วนำหน้าคู่แข่ง ทั้งกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง  ซึ่งพัฒนาจาก Customer Insight เป็นสิ่งที่บริษัทฯให้ความสำคัญสูงสุด รวมถึงการรุกการขายในทุกช่องทางผ่าน Multi-Channel เพื่อตอบโจทย์คนอยากสร้างบ้านในยุคโควิด-19

สำหรับในปีนี้ทางบริษัทฯ เน้นสร้างกลยุทธ์การตลาดทางสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้น เพื่อสอดรับกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าในปัจจุบันของบริษัทฯ โดยลูกค้าสามารถเลือกสร้างบ้านกับบริษัทฯ และทำธุรกรรมผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-commerce เน้นความสะดวกรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ลูกค้าสามารถตัดสินใจ จองสร้างบ้านได้ ตลอด 24 ชั่วโมง และทางบริษัทฯได้มีการจัดแคมเปญโปรโมชั่นพิเศษให้ลูกค้าที่จองสร้างบ้านผ่านทางระบบ E-commerce ในทุกๆ เดือนอีกด้วย ทางแลนดี้ โฮม ถือเป็นเจ้าแรกในธุรกิจรับสร้างบ้านที่สามารถจองสร้างบ้านผ่านทาง E-commerce ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยลูกค้าสามารถรูดบัตรจองสร้างบ้าน online ผ่านwww.landyhome.co.th นอกจากนี้ในปี 2565 ทางแลนดี้ โฮม ได้มีการเปิดตัวแบบบ้าน Pool Villa Series เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ช่วงโควิด-19 สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีลูกเล็ก ที่ไม่สามารถออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านได้    ก็สามารถเล่นน้ำในสระว่ายน้ำส่วนตัวได้

นายพานิช มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยของแลนดี้ โฮมฯ ยังให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีการอยู่อาศัยในราคาที่จับต้องได้ อย่าง เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด CAP+ (แค็พพลัส) ระบบเติมอากาศบริสุทธิ์ภายในบ้าน ช่วยลดการสะสมของคาร์บอนไดออกไซด์กรองฝุ่น PM 2.5, ป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ภายในห้อง ซึ่งติดตั้งให้บ้านทุกหลังที่สร้างบ้านกับ แลนดี้ โฮม และได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการเลือกตัดสินใจสร้างบ้านกับบริษัทฯ ไม่เพียงเท่านั้นบริษัทฯยังเล็งเห็นความสำคัญของ Green Technology หรือเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม สำหรับการอยู่อาศัย อาทิ ลดการใช้พลังงานและทดแทนด้วยพลังงานสะอาด โดยมีแผนที่จะร่วมมือกับพันธมิตรในการนำเสนอสิ่งดีๆ ให้กับลูกค้า เช่น EV Charger, Solar Panel และระบบป้องกัน รวมถึงระบายความร้อนจากภายนอกเพื่อการใช้พลังงานที่ลดลง อีกทั้งภายในปีนี้เรายังมีแผนที่จะพัฒนาสินค้าและบริการอีกมากมาย ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เพื่อการอยู่อาศัยที่มีความสุขอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ทางบริษัทฯยังได้ Co – Partner กับบริษัทต่างๆ เพื่อให้การสร้างบ้านกับบริษัท ฯเป็นแบบ One Stop Service รวมบริการต่างๆ ในการสร้างบ้านให้จบครบในที่เดียว เช่น Co – Partner กับบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน, บริษัทรับจัดสวน, บริษัทรับสร้างสระว่ายน้ำ, บริษัทติดตั้งลิฟท์ โดยพาร์ทเนอร์ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการ พร้อมรับส่วนลดและสิทธิพิเศษต่างๆ ที่ได้เฉพาะลูกค้าแลนดี้ โฮม เท่านั้น