พฤติกรรมผู้บริโภคยุคโควิด-19 มีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ โดยเฉพาะการเลือกซื้ออสังหาฯ ดังนั้นการพัฒนาจึงต้องก้าวให้ทันเทรนด์ใหม่ โดยเฉพาะ Security Convergence, Sustainable cooling, Seamless transition, Smart Energy Network และMetaverse หรือโลกเสมือน พบปัจจุบันอสังหาฯรายใหญ่เข้าสู่ Metaverse ประมาณ 30% แต่จะประสบความสำเร็จหรือไม่ต้องจับตา ระบุทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลกที่ต้องปรับตัว อาทิ พัฒนาคอนโดฯต่ำล้าน, การประหยัดพลังงาน รักษ์โลก เข้าไปอยู่ใน DNA ขององค์กร
นางสาวสุมิตรา วงภักดี
นางสาวสุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด ปิดเผยว่า ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคต่อการเลือกซื้ออสังหาฯ มีการเปลี่ยนแปลงไป จากข้อมูลที่ TerraBKK ได้เก็บจากผู้ตอบแบบสอบถามออนไลน์จำนวน 1,500 คน ในช่วงปลายปี 2564 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามเป็นกลุ่มผู้ที่อยู่อาศัยทางกรุงเทพฯและปริมณฑล  โดยบ้านเดี่ยว เป็นสินค้าที่คนต้องการซื้อมากที่สุด ขณะที่ทาวน์โฮม,บ้านพักตากอากาศและบ้านแฝด เป็นกลุ่มสินค้าที่โดดเด่นจากอัตราการเติบโตขึ้นถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา

​ทั้งนี้คนในกลุ่ม Gen Z ยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในกลุ่มบ้านเดี่ยวเป็นอันดับแรก รองลงมาคือคอนโดฯ โดยส่วนใหญ่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย เพราะต้องการซื้อที่อยู่เป็นของตนเอง, ต้องการสังคมที่ดีขึ้น และที่น่าสนใจคือส่วนใหญ่บอกว่าต้องการที่จะแยกออกจากครอบครัวใหญ่ ซึ่งจะเห็นว่าคนกลุ่มนี้เกิดมาพร้อมกับแนวคิดช่วยเหลือตัวเองพึ่งพาตนเอง ซึ่งการครอบครองอสังหาฯของตนเอง คือหนึ่งในเครื่องหมายความสำเร็จในชีวิต ส่วน

กลุ่ม Gen Y เป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายมีความต้องการ มีความสนใจที่ซับซ้อนในการเลือกอสังหาฯ ซึ่งในแต่ละช่วงสถานการณ์จะค่อนข้างแตกต่างกัน เป็นกลุ่มที่ไม่ได้มี loyalty สูงเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น

 

​สำหรับปัจจัยสำคัญในการที่ลูกค้าจะเลือกซื้ออสังหาฯในช่วงนี้ ส่วนใหญ่บอกว่าต้องการเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยที่มากกว่า โดยเฉพาะบ้านแนวราบที่ลูกค้าต้องการความปลอดภัยที่มากกว่าการดูแลจากการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงจากด้านหน้าโครงการ นอกจากนี้ลูกค้ายังต้องการโครงการที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี ซึ่งปัจจุบันทำเลที่อยู่ติดรถไฟฟ้าอาจจะไม่ใช่คำตอบของการเลือกซื้ออสังหาฯในตอนนี้ เพราะหลายคนบอกว่ายิ่งใกล้รถไฟฟ้า ยิ่งได้รับมลภาวะทางเสียงและฝุ่นละอองมากขึ้น

อย่างไรก็ดีการใช้สื่อออนไลน์ ยังเป็นสิ่งสำคัญในการทำการตลาดยุคนี้ โดยเฉพาะการโฆษณาผ่านทาง Facebook ที่มาเป็นอันดับหนึ่งซึ่งแซงหน้าสื่ออื่นๆ เพราะ Facebook มีการจับพฤติกรรมของผู้ใช้งานอย่างใกล้ชิด ยกตัวอย่างในช่วงสถานการณ์โควิดแบบนี้ ลูกค้าไม่ได้ออกมาดูโครงการจริงด้วยตนเอง ซึ่งการทำโฆษณาผ่าน Facebook จะทำให้ผู้ที่สนใจกดไลค์ Property product ก็จะได้รับข้อความโดยอัตโนมัติ ปรากฏการณ์นี้ได้บอกว่า ถ้าขายโครงการอสังหาฯแล้วไม่ได้ซื้อโฆษณาใน Facebook แต่โครงการที่อยู่ใกล้เคียงซื้อโฆษณาใน Facebook ลูกค้าก็จะเห็นแค่โครงการที่อยู่ใกล้เคียง และทำให้คุณพลาดโอกาสในการขายไปด้วย จะเห็นว่าปัจจุบันนี้สื่อออนไลน์เข้าถึงลูกค้าในทุกกลุ่มและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อมากทีเดียว

สำหรับ Customer Journey ยอมรับว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ โดยเฉพาะลูกค้าที่สนใจบ้านแนวราบ ที่ส่วนใหญ่ต้องการพื้นที่ที่มีความเป็นส่วนตัวสำหรับครอบครัวและพื้นที่ขนาดเล็กของตัวเอง ทำให้บางคนที่ปัจจุบันมีบ้านอยู่แล้ว แต่ยังขาดพื้นที่ทำงานซึ่งการต่อเติมอาจะไม่สะดวกหรือต้องใช้งบประมาณสูง ดังนั้นหลายคนจึงเลือกที่จะขยับขยายออกมาซื้อคอนโดฯ ที่อยู่ใกล้กับบ้านปัจจุบันเป็นต้น ซึ่งการที่ลูกค้าค้นหาสิ่งที่สนใจผ่าน Google จะทำให้สินค้าเข้าใกล้กับผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่แบรนด์จะต้องสร้าง Brand Awareness เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น

ทั้งนี้ผู้บริโภคที่สนใจซื้อทาวน์โฮม ปัจจุบันเป็นกลุ่มที่ใช้ทาวน์โฮมเป็นโฮมออฟฟิศ สามารถทำธุรกิจหรือเก็บสต๊อกสินค้าได้ในพื้นที่เดียวกับที่พักอาศัย  ซึ่งส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลาง และอยากเพิ่มความเป็นส่วนตัว จึงชอบโครงการที่แบ่งทาวน์โฮมออกเป็นคลัสเตอร์ หรือจำนวนบ้านในแต่ละซอยไม่เยอะมากนัก เพื่อสร้างพื้นที่ส่วนตัวให้มากขึ้น ทำให้ทาวน์โฮมในปัจจุบันบางโครงการก็ขยับเข้ามาในทำเลที่ใกล้เมืองมากขึ้น

 

​ส่วนคอนโดฯ คนยุคปัจจุบัน ลูกค้าไม่ต้องการโครงการที่มียูนิตมาก แต่มีความต้องการพื้นที่ส่วนกลางมากขึ้นโดยเฉพาะพื้นที่ Family Room ที่ผู้พักอาศัยต้องการนำมาใช้เป็นพื้นที่กิจกรรมของครอบครัวมากขึ้น เหมือนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการกลับมาต้องการพื้นที่ Family Room ก็เพื่อทดแทนพื้นที่ภายในห้องที่มีขนาดเล็ก หรือไม่เพียงพอต่อการใช้งาน

 

​สำหรับเทรนด์ในธุรกิจอสังหาฯที่คาดว่าจะเกิดขึ้น มักจะเชื่อมโยงทั้งรูปแบบการอยู่อาศัย เทคโนโลยี และชีวิตการทำงาน ซึ่งจะนำไปสู่New Standard ของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในระยะเวลาอันใกล้นี้ อาทิ  Security Convergence คือ การเชื่อมโยงการระบบ Security ที่มากกว่าระบบรักษาความปลอดภัยหน้าโครงการ แต่ต้องเป็นการเชื่อมโยงข้อมูล Cyber Security เข้ามาเกี่ยวข้องให้มีความปลอดภัยและป้องกันข้อมูลรั่วไหลได้มากที่สุด และต้องทำให้บ้าน Smart Energy Network โดยการเชื่อมโยงระบบประหยัดพลังงานในบ้าน อาทิ โซลาร์เซลล์เชื่อมโยงกับ wi-fi  ทำให้บ้านมีความอัจฉริยะสามารถควบคุมการใช้พลังงานสะอาดได้ด้วยตัวเอง หรือจะสั่งการผ่านสมาร์ทโฟน และระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อรองรับการใช้งานของผู้อาศัยในบ้านโดยเฉพาะผู้สูงอายุ หากมีกรณีที่ต้องอยู่คนเดียวก็ต้องสามารถอาศัยภายในบ้านได้อย่างปลอดภัยด้วย

รวมถึง Sustainable cooling และ Seamless transition การพัฒนาระบบความเย็น ที่จะผสานให้การอยู่อาศัยในพื้นที่ในบ้าน  และพื้นที่นอกบ้านมีความสมดุล ซึ่งปัจจุบันก็มีโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์  ที่เป็นต้นแบบการทำโครงการโดยใช้ระบบ Cooling เข้ามาผสมผสานได้อย่างสมบูรณ์

 

​และสุดท้าย Metaverse หรือโลกเสมือน ต้องยอมรับว่าปัจจุบันมีแพลตฟอร์มที่สามารถซื้อขายที่ดินใน Metaverse ผ่านการแลกเปลี่ยนด้วยเงินดิจิทัล ซึ่งแบรนด์สามารถเข้าไปเพื่อสร้างตัวตนใน Metaverse ได้ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคใหม่ๆ อย่าง Gen Alpha ที่มีความสนใจ experience product โดยปัจจุบันจะเห็นบริษัทพัฒนาอสังหาฯรายใหญ่เข้าสู่ Metaverse กันบ้างแล้ว ประมาณ 30% แต่ผลจะสำเร็จหรือไม่นั้นคงไม่สามารถตอบได้ แต่สุดท้ายโลกกำลังเปลี่ยนแปลง  อาทิ การพัฒนาคอนโดฯต่ำกว่าล้าน, การทำให้การประหยัดพลังงาน รักษ์โลก เข้าไปอยู่ใน DNA ขององค์กร เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกธุรกิจจะต้องปรับตัว เป็นต้น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*