ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทยเผยแนวโน้มตลาดวิลล่าเมืองภูเก็ตปี’65 เริ่มฟื้นตัว รับสัญญาณบวกรัฐบาลประกาศเปิดประเทศด้วยระบบ Test & Go ต่างชาติเตรียมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเมืองภูเก็ต เปืดข้อมูลผลวิจัยอุปทานวิลล่าเปิดตัวใหม่ในปี 2564 มีแค่ 108 ยูนิต และขายได้ใหม่ 177 ยูนิตลดลงต่อเนื่องจากปี 2563 จำนวนนี้เป็นกลุ่มผู้ซื้อคนไทยที่มีฐานะมั่นคงถึง 80% ส่วนระดับราคาวิลล่าขายดีจะอยู่ในช่วงราคา 11- 20 ล้านบาท มีหน่วยขายได้ใหม่ 91 ยูนิต

นายณัฎฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดวิลล่าในจังหวัดภูเก็ตช่วงปี 2565 มีแนวโน้มเริ่มกลับมาฟื้นตัว สะท้อนได้จากการที่กลุ่มนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติให้ความสนใจและรับช่วงต่อในการเข้าไปบริหารโครงการที่ไม่สามารถไปต่อได้ในช่วงที่ธุรกิจในจังหวัดภูเก็ตถดถอย นอกจากนี้การที่รัฐบาลผลักดันให้มีการเปิดประเทศและมีวัคซีนที่รองรับได้อย่างทั่วถึง รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็มีการปรับเปลี่ยนให้สามารถใช้ชีวิตภายใต้สภาวะสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ลงตัวมากขึ้น ถือว่าสัญญาณที่ดีให้บรรยากาศการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง

ส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับการตอบรับมากขึ้น ขณะที่กำลังซื้อของชาวต่างชาติยังคงต้องการซื้อวิลล่าในเมืองภูเก็ตอยู่ โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ เศรษฐกิจของภูเก็ตจะเริ่มดีขึ้น จากการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยระบบ Test & Go ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเลือกที่จะเข้ามายังประเทศได้ง่ายขึ้น ถือเป็นปัจจัยบวกที่จะทำให้เศรษฐกิจของเมืองภูเก็ตกลับมาปกติได้ภายในปี 2566

เนื่องจากภูเก็ตถือเป็นสถานที่พักตากอากาศที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทำให้ตลาดอสังหาฯในภูเก็ตมีการเติบโตควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวของเกาะภูเก็ต โดยเฉพาะบ้านพักตากอากาศหรือวิลล่าเป็นสถานที่พักตากอากาศที่นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญในการอยู่อาศัยในช่วงฤดูพักผ่อนของชาวต่างชาติ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ซื้อโดยการปล่อยเช่าในช่วงเวลาที่ไม่ได้กลับมาอยู่อาศัย

จากผลวิจัยของไนท์แฟรงค์ฯพบว่า ในปี 2564 มีอุปทานวิลล่าในภูเก็ตมีจำนวนทั้งสิ้น 4,002 ยูนิต สามารถขายออกไปได้แล้วจำนวน 3,233 ยูนิต คิดเป็นอัตราการขาย 80.8%  เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 2.3%  เนื่องจากวิลล่าที่เปิดขายใหม่ในปี2564 มีจำนวนน้อยแค่ 108 ยูนิตจาก 8 โครงการ ซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บริเวณเชิงทะเลสูงถึง 61% รองลงมาเป็นบริเวณหาดบางเทาและหาดในยางมีสัดส่วนเท่ากัน 15% และบริเวณหาดลายัน 11%  โดยราคาวิลล่าที่เปิดขายใหม่จะอยู่ในระดับราคา 10 – 50 ล้านบาท

ขณะที่จำนวนหน่วยวิลล่าที่ขายได้ใหม่ในปี 2564 มีทั้งสิ้น 177 ยูนิตเท่านั้น ลดลงต่อเนื่องจากปี 2563 เพราะได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิค-19 ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่อยู่ระหว่างการฟื้นตัวและการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติยังมีไม่มากนัก ส่งผลให้จำนวนหน่วยขายได้ใหม่ของวิลล่าในภูเก็ตลดลง

อย่างไรก็ดีจากจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ทั้ง 177 ยูนิตสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการซื้อของกลุ่มผู้ซื้อคนไทยที่มีฐานะมั่นคงประมาณ 80% ของจำนวนหน่วยขายได้ทั้งหมด ขณะที่กลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติมีเพียง 20% เท่านั้น โดยเป็นชาวต่างชาติที่อยู่ในแถบยุโรปและรัสเซีย ส่วนกลุ่มผู้ซื้อชาวไทยส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ

ส่วนระดับราคาวิลล่าที่ขายได้ใหม่ในปี 2564 ส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับราคา 11- 20 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายได้อยู่ที่ 91 ยูนิต รองลงมาเป็นวิลล่าระดับราคาขาย 21 – 30 ล้านบาท มีหน่วยขายได้ใหม่ 38 ยูนิต

ทั้งนี้ราคาขายวิลล่าของโครงการที่ยังมีหน่วยเหลือขายอยู่และโครงการที่เปิดขายใหม่ในปี 2564 พบว่า ราคาขายวิลล่าประเภท Oceanfront มีระดับราคาขายเริ่มต้นที่ 292 ล้านบาท และสูงสุด  370 ล้านบาท ส่วนวิลล่าประเภท Sea view ราคาขายเริ่มต้น 38.8-56.5 ล้านบาท และวิลล่าประเภท In land ราคาขาย 12.3-36.7 ล้านบาท

สำหรับทำเลที่มีจำนวนหน่วยขายใหม่ได้มากที่สุด จะอยู่ในบริเวณหาดบางเทา มีหน่วยขายได้65 ยูนิต รองลงมาเป็นบริเวณเชิงทะเล 58 ยูนิตและหาดกมลา 17ยูนิต   ส่วนทำเลบริเวณย่านบางเทา ถือเป็นทำเลยอดนิยมในการพัฒนาวิลล่ามากที่สุด เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบทั้งโรงแรมชั้นนำ ร้านอาหาร สนามกอล์ฟ รวมถึงศูนย์การค้าปอร์โต เดอ ภูเก็ต ที่อยู่ในบริเวณนี้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*