สิงห์ เอสเตทฯปรับแผนหันรุกตลาดแนวราบระดับลักชัวรี ตั้งเป้า 5 ปี รวมมูลค่า 52,000 ล้านบาท สัดส่วน 75% ใน 3 เซกเมนต์  ระดับราคา 10-100 ล้านบาท นำร่องปีนี้ 1 โครงการภายใต้แบรนด์ “ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส”มูลค่าโครงการรวม 2,900 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวปลายก.ย.65 ส่วนอีก 2 เซกเมนต์พร้อมเปิดตัวปี 66 จำนวน 4 โครงการ ตั้งธง 5 ปี กวาดรายได้ 34,000 ล้านบาท หรือ 10,000 ล้านบาท/ปี เติบโต 27%
นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด(มหาชน)หรือ S เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดดังกล่าวชะลอตัวลง เนื่องจากชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ที่เป็นกำลังซื้อหลัก ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ เชื่อว่าหลังจากที่ประเทศจีนมีการเลือกตั้งในปลายปี 2565 กำลังซื้อชาวจีนน่าจะกลับเข้ามาในประเทศไทยได้ในปี 2566 ดังนั้นกำลังซื้อในปัจจุบันจึงเป็นกลุ่มคนไทยเป็นหลัก และชาวต่างชาติบางส่วนที่อาศัยในประเทศไทย

สำหรับแผนการพัฒนาธุรกิจพักอาศัยของ สิงห์ เอสเตทฯในช่วง 1-2 ปีนี้ได้ปรับแผนหันมารุกตลาดบ้านแนวราบเต็มตัว จากเดิมที่เน้นพัฒนาในรูปแบบคอนโดฯเกือบ 100% ซึ่งกลยุทธ์ในการพัฒนาของบริษัทฯคือ RISE ABOVE” โดยมีรายละเอียดของแนวคิดทั้ง 3 ส่วน ประกอบด้วย

1.ABOVE THE NUMBER ที่นอกเหนือจากแผนการลงทุน และการพัฒนาโครงการเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันแล้ว ยังโฟกัสการตั้งเป้าตัวเลขที่ท้าทายขึ้นอีกด้วย สืบเนื่องจากเทรนด์ของโครงการอสังหาฯ แนวราบได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น สะท้อนจากตัวเลขที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องของโครงการบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ สิงห์ เอสเตทฯจึงได้วางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการบ้านแนวราบที่เพิ่มสูงขึ้น โดยในช่วง 5 ปีต่อจากนี้บริษัทฯ มีแผนสร้างโครงการรวมมูลค่า 52,000 ล้านบาท วางสัดส่วนบ้านแนวราบไว้ที่ 75% และคอนโดมิเนียม  25% เน้นทำเลศักยภาพ ประกอบด้วยโครงการตั้งแต่ระดับ 10-100 ล้านบาท ใน 3 เซกเมนต์  คือ
1.Super Luxury ระดับราคา 50-100 ล้านบาท

2.Luxury ระดับราคา 20-50 ล้านบาท

3.Affordable Luxury ระดับราคา 10-20 ล้านบาท

ซึ่งพร้อมเปิดตัวภายในปีนี้ 1 โครงการ เป็นการต่อยอดจากการพัฒนาโครงการ “สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส”ที่ประสบความสำเร็จปิดการขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยโครงการใหม่นี้จะพัฒนาภายใต้แบรนด์“ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส” (Siraninn Residences) ตั้งอยู่ในซอยพัฒนาการ 32 บนพื้นที่ 20 กว่าไร่ในรูปแบบของบ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury สร้างเสร็จก่อนขาย ขนาดตั้งแต่ 120-200 ตารางวา ระดับราคา 65-120 ล้านบาท จำนวน 32 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 2,900 ล้าน ซึ่งจะเปิดตัวในปลายเดือนกันยายน 2565 นี้ และพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ได้ในเดือนตุลาคม โดยตั้งเป้าหมายการโอนกรรมสิทธิ์ ประมาณ 600 ล้านบาท  คาดว่าจะปิดการขายได้ภายในปี 2566-2567

ส่วนอีก 2 เซกเมนต์ จะเปิดตัวในปี 2566 ประมาณ 4 โครงการ แต่ละโครงการจะมีมูลค่าประมาณ 2,000-4,000 ล้านบาท พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยวระดับ Luxury บน Premium Location  ด้วยราคา 20-50 ล้านบาท  และบ้านเดี่ยวระดับ Affordable Luxury ระดับราคา 10-20 ล้านบาท โครงการนี้จะเน้นเรื่องของการออกแบบที่มีความเป็นคนรุ่นใหม่ ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการ Design โดยยังเน้นเรื่องของ Form และ Function ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต

2.ABOVE THE DESIGN & SERVICE ด้วยการออกแบบที่สอดรับกับ New Trend of Living ที่บ้านถูกออกแบบให้มีพื้นที่รองรับรูปแบบการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน พื้นที่ใช้สอยสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน เพื่อให้บ้านเป็นพื้นที่สำหรับทุกๆคนในครอบครัว ด้วยแนวคิด

Smart Living

– Smart Layout ออกแบบ space และ function ต่างๆ ภายในบ้านให้ตอบโจทย์การใช้งานและความต้องการของคนทุก generation โดยบ้านถูกออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยที่รองรับกับพฤติกรรมของการใช้ชีวิตในปัจจุบัน และยังคำนึงถึงสภาพแวดล้อมของผู้อยู่อาศัยในทุกๆ ด้าน ทั้งเรื่องของแสงแดด ความร้อม ลมธรรมชาติ การระบายอากาศ

– Security for Families เพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้อยู่อาศัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัยรอบด้านที่รัดกุม เติมเต็มความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัว รวมถึงการวางระบบต่างๆ อาทิ ระบบติดตั้งสายไฟใต้ดิน (underground cable) เพื่อความปลอดภัย และความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสร้างทัศนียภาพที่สวยงามซึ่งจะเป็นอีกมาตรฐานของโครงการบ้านจากสิงห์ เอสเตท

– Easy Maintenance ด้วยระบบ Prevention Maintenance System ที่บ้านสามารถตรวจสอบตัวเองได้ ป้องกันความเสียหายของระบบต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า เจ้าของสามารถตรวจเช็คสุขภาพบ้านด้วยตัวเองได้ผ่านแอพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว

Healthy Living

– Clean Air มีระบบกรองอากาศภายในบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัยและการพักผ่อนอย่างเต็มที่

– Clean Water มีระบบกรองน้ำเพื่อให้น้ำที่นำมาใช้และบริโภคในโครงการบริสุทธิ์และสะอาดมากยิ่งขึ้น

– Cool & Quiet นวัตกรรม “บ้านเย็น” ที่ช่วยให้อากาศในบ้านเย็น ถ่ายเทอากาศได้ดี ด้วยผนังกันความร้อน เพื่อการอยู่อาศัยที่สบายทั้งกลางวันและกลางคืน อีกทั้งยังเงียบสงบปราศจากเสียงรบกวนจากภายนอก

Sustainable Living

– Existing Tree Conservation  มีการเก็บรักษาต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่เดิม เพื่อการอยู่อาศัยภายใต้บรรยากาศที่ร่มรื่น เย็นสบายและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพระบบนิเวศดั้งเดิมไว้ให้ได้มากที่สุด

– Clean Energy แบ่งเบาภาระของลูกบ้านด้วยการใช้พลังงานธรรมชาติ อาทิ การใช้พลังงานจากเซลล์แสงอาทิตย์

– Water Reuse ระบบการบำบัดน้ำเสีย เพื่อนำกลับมาใช้รดน้ำต้นไม้รอบโครงการ

– Material Selection & Long Lasting ออกแบบบ้านให้สวยงามอยู่คู่กาลเวลา โดยคำนึงถึงการใช้งานที่ดีทั้งในวันนี้และในอนาคต ที่ต้องตอบโจทย์เจ้าของบ้านในทุก Generation ดีไซน์ และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ทันสมัยอยู่เสมอ

Exclusive Services

– Warranty Extension ขยายเวลารับประกันเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มความสบายใจในการเข้าอยู่อาศัย

– Homecare Service อุ่นใจด้วยบริการ homecare ดูแลบ้าน แจ้งเหตุฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน

– Concierge Service เติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยกับบริการผู้ช่วยส่วนตัวที่พร้อมให้บริการลูกบ้านอย่างเหนือระดับ

3.ABOVE THE LIVING EXPERIENCE กับ Privileges ต่างๆ ภายใต้ “S Life”ที่รวบรวมสิทธิประโยชน์จากบริษัทในเครือและ Partners ที่ตอบรับกับ Lifestyle ของลูกบ้านทุกคน ทั้งในส่วนของ

– S Hotels & Resorts กลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทชั้นนำต่างๆ ในเครือ สิงห์ เอสเตท ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

– Activities กิจกรรมสันทนาการ อาทิ กอลฟ์ กิจกรรมนั่งบอลลูนเพื่อชมทิวทัศน์ แคมปิ้ง

– Food & Beverage สิทธิพิเศษที่ร้านอาหารชั้นนำ รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มในเครือ

– Entertainment คอนเสิร์ต และกิจกรรมบันเทิงต่างๆ ที่น่าสนใจที่จัดขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งปี

“จากทั้งหมดนี้ จึงเรียกได้ว่าบ้านแบบสิงห์ เอสเตท จะมีตัวตนที่ชัดเจน ทั้งในเรื่องการออกแบบ ก่อสร้าง และบริการ นอกจากนี้ยังเป็นบ้านแบบ Self – Diagnostic House ที่มีระบบ Prevention Maintenance System ทำให้บ้านสามารถตรวจสอบตัวเองได้ ป้องกันความเสียหายของระบบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า กล่าวคือบ้านที่ถูกออกแบบมาให้สวยงามอยู่คู่กาลเวลา และใช้งานได้อย่างดี พร้อมยังใช้นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม อาทิ ระบบประหยัดพลังงาน และเทคโนโลยีที่ดูแลคุณภาพอากาศในบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ ผู้อยู่อาศัยจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสะดวกสบาย มีเวลาดูแลครอบครัว และได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ได้รับประสบการณ์การใช้ชีวิตที่เหนือกว่า และได้มีความสุขกับคนที่รักอย่างแท้จริง ด้วยแนวคิด RISE ABOVE” นายณัฐวุฒิ กล่าว

ทั้งนี้ภายในระยะเวลา 5 ปี (2565-2569)บริษัทฯตั้งเป้ารายได้จากอสังหาฯเพื่อการขาย จำนวน 34,000 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่า 10,000 ล้านบาท/ปี หรือเติบโต 27% คิดเป็นสัดส่วน 35% ของพอร์ตทั้งหมดของสิงห์ เอสเตทฯ ซึ่งเชื่อว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2565 จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 4,400 ล้านยาท ซึ่ง ณ สิ้นไตรมาส 1/2565 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวมประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่องภายในปีนี้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*