กลุ่มเจ้าพระยามหานครฯเผยพัฒนาอสังหาฯรายได้ไม่แน่นอน หันรุกธุรกิจใหม่ฮอสพิทาลิตี้ สร้างรายได้ระยะยาว อนาคตหวังเพิ่มสัดส่วนแตะ 50 : 50 ปี 66 ปรับแผนผุดโครงการมิกซ์ยูสทั้งหมด ล่าสุดนำห้องชุดโครงการ “เดอะ คิวเว่” เปิดให้บริการรูปแบบ “เซอร์วิส เรสซิเดนซ์” จำนวน 191 ยูนิตภายใต้แบรนด์ “โอ๊ควูด สวีท ติวานนท์ กรุงเทพฯ” บริหารงานโดยเชนโอ๊ควูด ในเครือ The Ascott Limited ตั้งเป้าคืนทุนภายใน 3 ปี  แย้มแผนจ่อผนึกพันธมิตรกลุ่มโรงพยาบาลลงทุนศูนย์บริการทางการแพทย์ สำหรับผู้ป่วยในระยะพักฟื้น 10 แห่งในกรุงเทพฯ และศูนย์พยาบาลดูแลผู้สูงอายุ ที่พักอาศัยหลังวัยเกษียณ
นายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์
นายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC เปิดเผยว่าจากประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจอสังหาฯมาช้านาน พบว่ารายได้แต่ละปีจะค่อนข้างสวิงมาโดยตลอด ดังนั้นจึงมีแผนที่จะรุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆและฮอสพิทาลิตี้ (Hospitality) เพื่อสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ และกระจายความเสี่ยง ซึ่งในแผนจะให้สัดส่วนรายได้จากการขายและรายได้จากธุรกิจใหม่ๆและฮอสพิทาลิตี้อยู่ที่ 50 : 50  จากปัจจุบันรายได้จากการขายอสังหาฯอยู่ที่ 78% ส่วนอีก 22 %มาจากธุรกิจฮอสพิทาลิตี้และธุรกิจใหม่ๆ คาดว่าจะเห็นภาพการดำเนินธุรกิจครบวงจรมากขึ้นในปี 2566-2567 และการพัฒนาธุรกิจอสังหาฯนับจากปี 2566 เป็นต้นไป จะเน้นโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูสทั้งหมด แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้

สำหรับแนวทางการเข้าสู่ธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง จะส่งผลดีต่อการมีฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ทั้งในธุรกิจบริการ ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจเช่า ธุรกิจเทรดดิ้ง (สินค้าสำหรับการก่อสร้าง) ธุรกิจเฮลท์แคร์ ที่รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ ธุรกิจโรงพยาบาล ธุรกิจบริการทางการแพทย์สำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น

และพบว่า เซอร์วิส เรสซิเดนซ์” เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ลูกค้าสามารถเข้าพักทั้งระยะสั้นและระยะยาวได้  และสามารถสร้างรายได้ระยะยาวให้บริษัทฯ โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้เริ่มจากการทุ่มงบประมาณ 1,000 ล้านบาท นำห้องชุดส่วนหนึ่งในโครงการ “เดอะ คิวเว่” (THE CUVEE) มาให้บริการในรูปแบบของเซอร์วิส เรสซิเดนซ์ จำนวน 191 ยูนิต (จากทั้งโครงการที่มีกว่า 400 ยูนิต)ภายใต้แบรนด์ “โอ๊ควูด สวีท ติวานนท์ กรุงเทพฯ”ภายใต้การบริหารงานของเชนโอ๊ควูด ในเครือ The Ascott Limited แบ่งห้องพักให้เช่าตั้งแต่ 15 วัน ไปจนถึง 3 เดือนขึ้นไป โดยห้องขนาดเล็กสุดคือ 31 ตารางเมตร 1 ห้องนอน ปล่อยเช่าในราคา 60,000 บาท/เดือน และสูงสุดที่ห้องขนาด 2 ห้องนอน ปล่อยเช่าในราคา 120,000 บาทบวกลบ/เดือน โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข และแพทย์และนักธุรกิจจากต่างประเทศ รวมไปถึงข้าราชการสังกัดอื่นและพนักงานบริษัทเอกชนในพื้นที่ใกล้เคียง โดยเซอร์วิส เรสซิเดนซ์ ดังกล่าวจะอยู่ภายใต้การดูแลลของ บริษัท ซีทูเอช จำกัด (C2H) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ CMC คาดว่าอัตราการจองห้องพักภายในสิ้นปี 2565 จะอยู่ที่ประมาณ 10% และปี 2566 เพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 40% โดยตั้งเป้าคืนทุนภายในระยะเวลา 3 ปี

“ในย่านจ.นนทบุรี นั้นค่อนข้างหาแหล่งที่พักชั้นดีได้ยาก โดยเฉพาะชาวต่างประเทศ ที่ส่วนใหญ่นิยมเดินทางไปทำงานด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก ดังนั้นจึงได้ดึงโอ๊ควูด เข้ามาบริหารงาน และด้วยทำเลที่ตั้งโครงการ จึงมั่นใจว่าจะสามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี” นายแพทย์วิเชียร กล่าว

โดยการขยายธุรกิจของ ซีทูเอช นั้น มีแผนการขยายธุรกิจโรงแรมและการบริการในรูปแบบ Mix used, Long – Short stay ทั้ง 5 ดาว และ 4 ดาว รองรับลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่ม Hospital, Medical Stay, Government,Corporate , Leisure (Long Stay) นอกจากนั้น สถานที่ตั้งของโครงการที่บริษัทมีแผนในการพัฒนาต่อยอด ยังเป็นพื้นที่ทำเลทองใจกลางสถานที่สำคัญ ใกล้แหล่งท่องเที่ยว โดยมีเป้าหมายที่จะบริหารห้องพักให้ได้มากกว่า 6,000 ยูนิต ในปี 2570 ซึ่งมั่นใจที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจโรงแรมได้

นายแพทย์วิเชียร กล่าวต่อว่า บริษัทยังมีแผนลงทุนศูนย์บริการทางการแพทย์ สำหรับผู้ป่วยในระยะพักฟื้น (Step-Down-Cars)จำนวน 10 แห่งในกรุงเทพฯ รวมถึงศูนย์พยาบาลดูแลผู้สูงอายุ และที่พักอาศัยหลังวัยเกษียณ ซึ่งจะเป็นการร่วมมือกับพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจด้านโรงพยาบาลหลายราย อาทิ กลุ่มโรงพยาบาลธนบุรี เป็นต้น แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ บริษัทฯได้ลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาล ป.แพทย์ ที่เปิดให้บริการ 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลป.แพทย์ 1 และ ป.แพทย์ 2 รวม 300 เตียง ในจังหวัดนครราชสีมา เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่อันดับต้นๆของจังหวัด และมีแผนที่จะนำบริษัท เอ็น.ดี.เอส 34 จำกัด ที่บริษัทฯถือหุ้นอยู่ 25% เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*