กลุ่มโรงพยาบาล อินเตอร์เมดิคัล แคร์ แอนด์ แล็บ เดินเกมรุก  เช่าที่ดินระยะยาว 12 ไร่ติดBTS แบริ่ง จากพรไพลิน กรุ๊ปพร้อมผนึกกำลังพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์  ผุดเมกะโปรเจกต์ยักษ์“IMH Medical Hub” ด้วยงบลงทุน 1,200 ล้านบาท ส่งซิกจ่อเจรจากับพาร์ตเนอร์ระดับโรงพยาบาลเบอร์ต้นๆ เข้าร่วมลงทุนแบ่งกำไร  หวังดัน “IMH” ติด TOP 3 กลุ่ม รพ.ชั้นนำของประเทศ ด้านอดีตนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เผยเป็นจิ๊กซอว์แรกในการดำเนินธุรกิจสอดคล้องนโยบายบริษัท แย้มที่ดินที่เหลือเล็งร่วมทุนพันธมิตรด้าน Wellness ต่อเนื่อง
ดร.สิทธิวัตน์ กำกัดวงษ์ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มโรงพยาบาลอินเตอร์เมดิคัล แคร์ แอนด์แล็บ จำกัด (มหาชน) หรือ IMH เปิดเผยว่า ทางกลุ่มฯ ได้เตรียมปรับโครงสร้างกลุ่ม โดยแชร์ทรัพยากรร่วมกัน (synergy) ภายในกลุ่ม IMH ซึ่งประกอบด้วย (1) โรงพยาบาล อินเตอร์ เมด (2) โรงพยาบาล IMH ธนบุรี (3) โรงพยาบาล มเหสักข์ ย่านสีลม ที่เพิ่งซื้อกิจการเข้ามาใหม่เพื่อปูทางสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งไปสู่การลงทุนเมกะโปรเจกต์ใหม่ ภายใต้ชื่อ “IMH Medical Hub” ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ กลางปี 2568 นี้ สู่การปูทางเพื่อก้าวเป็นผู้ประกอบการในธุรกิจโรงพยาบาล TOP 3 ในกลุ่มโรงพยาบาลชั้นนำของปะเทศ  

โดยล่าสุด กลุ่มโรงพยาบาล IMH ได้ลงนามในสัญญาเช่าพื้นที่ระยะยาว 30 ปี (ต่อได้อีก 30ปีรวม 60 ปี) บนที่ดินเกรดเอ 12 ไร่  ติดสถานีรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง (สายสุขุมวิท) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้นปี 2566 นี้   IMH จะเริ่มพัฒนาที่ดินแปลงดังกล่าวร่วมกับกลุ่มนายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์อดีต นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และ ประธานกฎบัตรไทย ซึ่งเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงประสบความสำเร็จ ในวงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อพัฒนา เมกะโปรเจกต์ใหม่ ภายใต้ชื่อ “IMH Medical Hub” ด้วยงบลงทุน 1,200 ล้านบาท  ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 phase ดังนี้

โดย Phase 1 คาดว่า จะเปิดให้บริการในครึ่งปีหลังของปี 2568 ประกอบด้วย

1)โรงพยาบาลIMH แบริ่ง ขนาด 200 เตียง รองรับคนไข้เงินสด และสิทธิประกันสังคม

(2) อาคาร Retail space  

(3) ศูนย์แพทย์เฉพาะทาง & Wellness Center

ส่วน Phase 2 คาดว่าจะเปิดให้บริการ ปี 2571 ประกอบด้วย

1)โรงพยาบาล IMH International ขนาด 400 เตียง รับคนไข้เงินสด และต่างชาติ

2)ศูนย์พักฟื้นผู้ป่วยและกายภาพบำบัด

ดร.สิทธิวัตน์ กล่าวเพิ่มเติม สำหรับ เมกะโปรเจกต์ “IMH Medical Hub” มีจุดเด่นคือ

(1)ที่ตั้งโครงการมีศักยภาพสูง และพื้นที่มีขนาดใหญ่ถึง 12 ไร่ จึงสามารถจะขยายธุรกิจทางการแพทย์ได้หลากหลาย และดึงดูด พาร์ตเนอร์ที่มีประสบการณ์ มาร่วมลงทุนแบ่งกำไรทำให้ธุรกิจแต่ละส่วนในพื้นที่โครงการ อยู่แบบพึ่งพิงกันได้อย่างครบวงจร ซึ่งจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนไข้เข้ามาใช้บริการในหลายรูปแบบ และ สามารถ cross – sell บริการต่าง ในโครงการได้เป็นอย่างดี  ทำให้ได้เปรียบโรงพยาบาลอื่น ๆที่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ ซึ่งทำให้การขยายโรงพยาบาลเป็นไปได้ยาก

(2)ที่ตั้งโครงการ อยู่ติด BTS แบริ่ง ไปมาสะดวก สามารถรับคนไข้ได้ทั้งกรุงเทพ และสมุทรปราการ พร้อมที่จอดรถ กว่า 800 คัน  และโครงการนี้ยังได้รับการ Refer ฐานลูกค้าจากโรงพยาบาลอื่น ในเครือ IMH อีกด้วย

(3)การระดมลงทุนสำหรับโครงการนี้ เน้นการลงทุนทีละเฟส โดยใช้เงินทุนหมุนเวียน และเงินกู้จากสถาบันการเงิน ซึ่งปัจจุบัน กลุ่ม IMH อยู่ระหว่างเจรจากับพาร์ตเนอร์ ที่มีประสบการณ์ เช่นโรงพยาบาลเบอร์ต้นๆ ของประเทศ มาร่วมลงทุนแบ่งกำไร ซึ่ง IMH จะได้รับส่วนแบ่งกำไรตามส่วนธุรกิจที่พาร์ทเนอร์ เข้ามาลงทุน เพื่อรับรู้รายได้เร็วและคืนทุนเร็ว

(4)ทางด้านการแพทย์และจัดหาบุคลากรวิชาชีพ นั้น กลุ่ม IMH ได้มอบหมายให้ นายแพทย์สุขุม กาญจน พิมาย กรรมการ และ ประธานที่ปรึกษาของกลุ่มโรงพยาบาลฯผู้มีประสบการณ์ด้านการแพทย์/สาธารณสุข และปัจจุบันเป็น นายกแพทยสมาคมฯ เป็นผู้ดูแล ให้มีแพทย์และวิชาชีพ ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับและมีประสบการณ์สูง ให้เพียงพอกับจำนวนคนไข้ที่เพิ่มมากขึ้น

(5)ทางด้าน Retail space นั้น กลุ่ม IMH ได้มอบหมายให้ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตรกรรมการกลุ่มโรงพยาบาลที่มีประสบการณ์ด้านการค้าการพาณิชย์ เป็นผู้ดูแล โดยเบื้องต้นIMH จะให้เช่าพื้นที่ Retail space ซึ่งอยู่ใกล้สถานที่รถไฟฟ้า BTS แบริ่ง ที่มีคนเข้าออกเป็นจำนวนมากทุกวัน จะออกแบบให้เป็นพื้นที่ Retail Mall จำหน่ายสินค้า/บริการ เกี่ยวกับสุขภาพทุกประเภท ตั้งเป้าให้เป็น Organic Market Place ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ และ จะเปิดให้บริการได้ทันที ระหว่างการก่อสร้างโรงพยาบาล โดยใช้ประโยชน์จากพื้นที่ดินในส่วนที่ยังไม่ได้ก่อสร้าง เพื่อให้เกิดการทำรายได้สูงสุด

สำหรับรายได้ของ เมกะโปรเจกต์ “IMH Medical Hub”  ได้ตั้งเป้าไว้แตะ ระดับ 5,000 ล้านบาท ใน 5 ปี ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางนโยบายของภาครัฐ ที่จะดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ในระยะใกล้นี้”  ดร. สิทธิวัตน์ กล่าวในที่สุด

นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ อดีตนายกและกรรมการบริหาร สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่าตนได้แบ่งที่ดินของครอบครัวจำนวน 12 ไร่ (จากที่ดินทั้งหมด 60 ไร่)ให้กลุ่ม IMH เช่าระยะยาว60 ปี เพื่อพัฒนาโครงการเมกะโปรเจกต์ “IMH Medical Hub”ซึ่งตนเข้าไปถือหุ้นในนามส่วนตัวสัดส่วนประมาณ 10% ซึ่งตนมองว่าเป็นธุรกิจที่ดำเนินการเพื่อสังคม และสอดคล้องกับนโยบายของกลุ่มบริษัท พรไพลิน กรุ๊ป ซึ่งเป็นเจ้าของแปลงที่ดินดังกล่าว ที่แผนการดำเนินธุรกิจเดิมต้องการพัฒนาในรูปแบบของ “Medical Hub” อยู่แล้ว ดังนั้นการร่วมทุนดังกล่าว ถือเป็นจิ๊กซอว์แรกในการดำเนินธุรกิจ

ก่อนหน้านี้ได้มีผู้ประกอบการในหลากหลายธุรกิจ อาทิ ธุรกิจรีเทล ธุรกิจอสังหาฯ เข้ามาติดต่อเพื่อเช่าที่ดิน แต่เมื่อคุยกันแล้ว คำตอบที่ได้ไม่ค่อยตอบโจทย์ จึงได้ปฏิเสธไป แต่กับกลุ่ม IMH เป็นการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคม สอดคล้องกับแผนของบริษัทฯที่สนใจในธุรกิจ Medical Hub จึงได้เกิดความร่วมมือครั้งนี้ขึ้นมา สำหรับที่ดินที่เหลืออีก 48 ไร่ เราก็สนใจที่จะพัฒนาในรูปแบบของ Wellness อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรใหม่ หรือร่วมทุนต่อกับกลุ่มIMH ซึ่งคงต้องรอดูผลตอบรับจาก Phase 1 ก่อนนายพรนริศ กล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*