จระเข้เปิดแนวทางการดำเนินธุรกิจ พร้อมบุกตลาด Infrastructure ด้วยสินค้านวัตกรรม ชี้เป็นตลาดมีศักยภาพและเติบโตสูงตามนโยบายภาครัฐ ตั้งเป้าปี’66 ทำยอดขายรวม 3,800 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเคมีก่อสร้างเติบโตไม่น้อยกว่า 30% พร้อมออกบูธในงานสถาปนิก’66 หวังสร้างการรับรู้แบรนด์ โชว์ศักยภาพผ่าน 4 นวัตกรรมหลัก สะท้อนความเป็นผู้นำและความเชี่ยวชาญตอบโจทย์งานก่อสร้างยุคใหม่
นายศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำในการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าตราจระเข้ นวัตกรรมเพื่องานก่อสร้าง ซ่อมแซม และตกแต่ง ครบวงจรตั้งแต่ฐานรากจนถึงหลังคามากว่า 30 ปี เปิดเผยว่า สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจในปี2566 นี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นการเติบโตในผลิตภัณฑ์กลุ่มเคมีก่อสร้าง โดยเฉพาะงานโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเติบโตสูง  โดยจระเข้ได้เริ่มขยายตลาดในกลุ่มดังกล่าวตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มียอดขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ Infrastructure สูงขึ้นจากปีก่อน ทำให้ในปี 2566 ตั้งเป้าจะสามารถทำยอดขายรวมทั้งบริษัทอยู่ที่ 3,800 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเคมีก่อสร้างจะเติบโตไม่น้อยกว่า 30% หรือกว่า 600 ล้านบาท โดยจะมีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มดังกล่าวเกือบ 10% (จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 8,000 ล้านบาท)จากปี 2565 ส่วนแบ่งไม่ถึง 6% หรือกว่า 500 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2567 ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเคมีก่อสร้างจะมียอดขายกว่า 800 ล้านบาท สอดรับกับความสามารถในการทำตลาดเจาะกลุ่มโครงการต่าง ได้มากขึ้น

ภาพรวมธุรกิจของบริษัท ในปี 2565 ที่ผ่านมา จระเข้มีอัตราการเติบโต 20% จากปีก่อน โดยผลิตภัณฑ์ที่เติบโตอยู่ในกลุ่มนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์ปูกระเบื้อง ผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์สีจระเข้  ซึ่งปัจจัยการเติบโตมาจากการขายที่เป็นระบบ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในคุณภาพงานก่อสร้างที่ได้มาตรฐานสูง ควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพและต่อยอดจากความเชี่ยวชาญเรื่องบ้านไปสู่อาคารและงานระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน(Infrastructure) รวมไปถึงการเข้าร่วมงานสถาปนิกสยาม ทำให้ได้เปิดตลาดใหม่ในวงการก่อสร้างและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนายศุภพงษ์กล่าว

นายศุภพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า  หลังจากการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 14 พฤษภาคม2566 ก็อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ช่วยหยุดสถานการณ์ต่างๆที่ไม่ดีในประเทศให้นิ่ง เพื่อที่ผู้ประกอบการในธุรกิจต่างๆจะได้ดำเนินการได้อย่างสะดวก ส่วนเรื่องอื่นๆนั้นไม่คาดหวังอะไรมากนัก เพราะรัฐบาลที่ผ่านๆมา ก็ส่งเสริมภาคธุรกิจอุตสาหกรรมมาโดยตลอด และพัฒนาให้คนไทยมีความรู้เท่าทันนานาประเทศ เพื่อที่จะสามารถสนับสนุนธุรกิจของผู้ประกอบการได้

สำหรับการนำสินค้านวัตกรรมใหม่มาร่วมงาน สถาปนิก’66 นั้น มองว่าแม้ปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจจะมีสูง โดยเฉพาะในเรื่องราคา แต่สินค้าของบริษัทฯจะเน้นในเรื่องคุณภาพของสินค้าเป็นหลัก ที่เหมาะสมกับงานแต่ละประเภทของลูกค้า และการร่วมงานในครั้งนี้บริษัทฯไม่ได้คาดหวังในเรื่องยอดขาย แต่คาดหวังในเรื่องการรับรู้แบรนด์ของผู้บริโภคที่มากขึ้น

นายวิกิจ กันฉาย  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานขายในประเทศ กล่าวว่า สำหรับแนวทางการขายในประเทศจะเน้นคุณสมบัติ Speed & Sustainable โดยจะให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมเพื่องานระบบสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ (Infrastructure) โดยเฉพาะงานก่อสร้างซ่อมแซมที่เกี่ยวข้องกับการคมนาคม เช่น ถนน สะพาน ทางด่วน ทางรถไฟฟ้า ท่าเรือซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ระยะเวลาการเซ็ทตัวที่เร็วขึ้นและมีความคงทนแข็งแรงเท่าเดิม หรือการซ่อมแซมแบบเร่งด่วน สามารถส่งมอบงานตรงเวลา นับว่าเป็นงานที่ใช้งบประมาณลงทุนค่อนข้างสูงรวมถึงใช้ทรัพยากรสูง หากสามารถเสริมความคงทนยืดอายุการใช้งานได้เพิ่มขึ้น จะลดการใช้ทรัพยากรใหม่และลดปัญหาการซ่อมแซมในภายหลัง นำมาซึ่งการลดการเกิดขยะจากการก่อสร้างได้มากขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาจระเข้เป็นหนึ่งในไม่กี่แบรนด์ที่ได้รับเลือกเป็นส่วนหนึ่งในโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

นอกจากนี้ยังมีโครงการท่าเรือและสะพาน  โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ Infrastructure ของจระเข้มีหลากหลาย เช่น ผลิตภัณฑ์งานโครงสร้าง ซีเมนต์กันซึมชนิดตกผลึก น้ำยาเคลือบและปกป้องพื้นผิวคอนกรีต รองรับงานสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโครงการที่มีการกำหนดคุณสมบัติพิเศษต้องการสินค้าประสิทธิภาพสูงได้เป็นอย่างดี

สำหรับนวัตกรรมจระเข้ซ่อมพื้นคอนกรีตบางเป็นมิตรกับธรรมชาติ นับเป็นนวัตกรรมใหม่และเป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่จระเข้นำเสนอในงานสถาปนิก’66  มุ่งตอบโจทย์ Speed & Sustainable  ด้วยคุณสมบัติพิเศษในการซ่อมพื้นบางที่สุดเพียง 2 มม. ซึ่งเท่ากับช่วยลดการใช้ทรัพยากรและลดการเกิด CO2 ลงถึง 96% ท้าทายงานก่อสร้างที่ความบางมาพร้อมความแกร่ง ลดเวลาทำงานจาก 7 วันเหลือเพียง 2 วัน ก็สามารถเปิดพื้นที่รองรับการสัญจรหนักได้ โดยบริษัท ตั้งเป้าขยายสัดส่วนสินค้าในกลุ่ม Infrastructure จากยอดขาย 5% ในปีที่ผ่านมา  คาดว่าจะเติบโตเป็น 10% ของมูลค่ารวมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์จระเข้ในปีนี้

นายวรพจน์ ตั้งมนัสวงศ์  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด กล่าวว่า แนวทางในการทำตลาดของจระเข้ การพัฒนานวัตกรรมยังคงเป็นหัวใจหลัก หลังจากนี้จระเข้ยังคงคิดค้นนวัตกรรมใหม่เพื่อสร้างความสุขให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาจระเข้เป็นผู้นำตลาดกาวซีเมนต์และกาวยาแนวปูกระเบื้องมายาวนาน โดยกาวซีเมนต์จระเข้เขียวซึ่งมียอดขายอันดับหนึ่งในตลาดได้ครองใจช่างและเจ้าของบ้านมานาน 30 ปี  โดยผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่สร้างชื่อเสียงและจุดเปลี่ยนให้กับตลาดวัสดุปูกระเบื้องได้แก่ จระเข้ พรีเมียม พลัสกาวยาแนวป้องกันราดำ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีไมโครแบน รายแรกของโลกซึ่งยังคงเป็นผู้นำตลาดมาอย่างต่อเนื่อง  

ปัจจุบัน จระเข้มีนวัตกรรมสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยในปีนี้ได้นำหลายผลิตภัณฑ์นวัตกรรมมาออกบูธในงานสถาปนิก’66 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Expert Solutions, Expert Results” สะท้อนความเป็นผู้นำและความเชี่ยวชาญในงานก่อสร้างยุคใหม่ ผ่าน 5 โซนจัดแสดง ได้แก่ 

WELL BEING FIRST: Living Green, Living Better ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างเพื่อความยั่งยืนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และผู้อยู่อาศัย ตอบ Trend การก่อสร้างยุคใหม่

CHEMICAL EXPERTISE: Sustainable Infrastructure Solutions ใส่ใจทุกงานโครงสร้าง พัฒนานวัตกรรมสินค้าอย่างยั่งยืน ลดปัญหาการซ่อมแซม ยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน

TILING EXPERTS: The Ultimate of BIG SLAB Solution นวัตกรรมการติดตั้งกระเบื้องใหญ่พิเศษครบวงจร พร้อมชมการติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ

SEE JORAKAY: Sense of Specialized Colors สีสร้างลาย สร้างสไตล์ที่แตกต่างเฉพาะตัวพบกับการสร้างสรรค์ลวดลายโดยทีมช่างมืออาชีพที่พร้อมให้บริการสร้างผนังสวยระดับMasterpiece ให้กับบ้านคุณ

HOME CLINIC: Expert Consulting for Home Repairs จุดบริการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญจากจระเข้

นอกจากนี้จระเข้ยังเชิญสถาปนิกชั้นนำที่มีส่วนร่วมในโครงการ Green building ที่มีชื่อเสียงในประเทศ มาร่วมแบ่งปันแนวคิดและมุมมองเกี่ยวกับเทรนด์การออกแบบก่อสร้างที่สอดคล้องกับแนวทางขององค์กร ในการมุ่งพัฒนานวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยจัด Exclusive Talk ในหัวข้อ Green Living Trends with Expert Solutions, Expert Results เพื่อร่วมกันคิดสร้างสรรค์ผลงานก่อสร้างที่ดีกับผู้อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน อีกทั้งจระเข้ยังสานต่อแนวทางด้านความยั่งยืนโดยประสานกับ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) นำวัสดุก่อสร้างจากบูธนี้ไปใช้ประโยชน์ในการฝึกทักษะของเยาวชนสร้างสรรค์ประโยชน์ใช้สอยใหม่ๆ ด้านสังคมเพิ่มเติมอีกด้วย

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*