ซิซซา กรุ๊ป วอนหลังจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ เร่งจัดแคมเปญ-ปรับผังเมืองกระตุ้นท่องเที่ยวภูเก็ตกลับคืน ช่วยดันภาคอสังหาฯโต เผยกลุ่มลูกค้าหลักยังเป็นชาวรัสเซียหนีภัยสงครามหาซื้อพูลวิลล่า ราคา 6-100 ล้านบาท เป็นบ้านหลังที่สองถึง 80% ระบุผู้ประกอบการรายใหญ่-ท้องถิ่น แข่งเดือดผุดพูลวิลล่า ทำเลบางเทา ลายัน ราไวย์ และในหาน มาแรง ด้านราคาที่ดินหลังโควิด-19 ปรับเพิ่มขึ้น 29% ป่าตองยังแพงสุด 200 ล้านบาท/ไร่ เปิดแผนปี 66 เตรียมเปิด 4 โครงการใหม่ รวมมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท มั่นใจธุรกิจเมดิคอลแข็งแกร่ง เป็นรายแรกที่บุกตลาดเข้าลงทุน “เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต” สอดรับมาตรการภาครัฐหนุนภูเก็ต เป็น “เมดิคอล ฮับ”ภูมิภาคเอเชีย ชูจุดขายบุคลากรทางการแพทย์ทั้งใน-ต่างประเทศ เครื่องมือที่ทันสมัย คาดเสริมธุรกิจโรงแรมโต 20-30% โดยรับรู้รายได้ปี 68
นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด
นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนรูปแบบ “Investment Property” (IP) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดท่องเที่ยวในจ.ภูเก็ต ว่าที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยว ซึ่งได้ส่งผลดีต่อภาคธุรกิจอสังหาฯด้วย ซึ่งเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่แล้ว ก็อยากให้มีการส่งเสริมแคมเปญดึงนักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศไทยและภูเก็ตมากขึ้น โดยเฉพาะภูเก็ตควรผลักดันเป็น Paradise Ireland และควรมีการปรับในเรื่องของผังเมือง รองรับการเจริญเติบโตในระยะเวลาอีก 10 ปีข้างหน้า รวมไปถึงปรับปรุงให้เป็นเมืองปลอดภาษี อีกทั้งควรดูแลเรื่องระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในจ.ภูเก็ต ด้วยการเข้าไปลงทุนให้ดีมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเมื่อการท่องเที่ยวดีก็จะส่งผลดีต่อภาคอสังหาฯอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีนักท่องเที่ยวและนักลงทุนเข้ามามากขึ้น

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯในจ.ภูเก็ต ตั้งแต่ปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566 มองว่านักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรม และที่อยู่อาศัย ทำให้เกิดการซื้อขายเพิ่มมากขึ้น โดยกลุ่มผู้ซื้อหลักยังเป็นชาวรัสเซียถึง 80% เนื่องจากหนีภัยสงครามมาหาซื้อบ้านหลังที่สองในจ.ภูเก็ต โดยเฉพาะตลาดพูลวิลล่า ระดับราคา 6-100 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มลูกค้า ส่วนช่วงไตรมาส 3/2566 ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ตลาดภูเก็ตจะค่อนข้างเงียบเมื่อเทียบกับช่วงไฮซีซั่น จากเดิมที่คาดหวังว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมามากขึ้น แต่กลับไม่เป็นไปตามคาดการณ์  ซึ่งต้องรอดูช่วงไฮซีซั่นในปลายปีนี้อีกครั้งหนึ่ง

ส่วนการลงทุนของผู้ประกอบการในปี 2566 นี้ พบว่า มีการพัฒนาโครงการใหม่ๆโดยเฉพาะพูลวิลล่ามากขึ้น ทั้งจากผู้ประกอบการในท้องถิ่นและจากกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เป็นตลาดแมส ระดับราคา 7-30 ล้านบาท โดยกระจายพัฒนารอบเกาะภูเก็ต ในส่วนของดีมานด์นั้น พบว่ามีความต้องการมากขึ้น เพราะซัพพลายพูลวิลล่าในช่วงที่ผ่านมาไม่เพียงพอกับดีมานด์ ทำให้หลังวิกฤติโควิด-19 ตลาดพูลวิลล่ามียอดขายที่ดีมาก โดยทำเลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือโซนลากูน่า แถวหาดบางเทา หาดลายัน โซนถัดมาคือ ราไวย์ และในหาน ส่วนตลาดคอนโดฯมีการพัฒนาน้อยกว่าเดิม เนื่องจากจากในช่วงวิกฤติโควิด-19 ดีมานด์หันมาซื้อที่อยู่อาศัยประเภทบ้านและวิลล่ามากขึ้น

“ช่วงโควิด-19 ราคาที่ดินไม่พุ่งมากนัก โดยปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นมาประมาณ 20% ซึ่งราคาที่ดินที่สูงสุดปัจจุบันยังอยู่ที่ป่าตองในบางทำเล ราคาสูงถึงประมาณ 200 ล้านบาท/ไร่ ซึ่งภูเก็ตยังมีพื้นที่ให้พัฒนาพอสมควร แต่ด้วยดีมานด์ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ ผู้ประกอบการจะไม่แข่งขันสูงเหมือนเช่นในกรุงเทพฯ” นายอรรถนพ กล่าว

นายอรรถนพ กล่าวถึงทิศทางการดำเนินการของซิซซา กรุ๊ป ในปี 2566 ว่า จะมีการเปิดตัวทั้งหมด 4โครงการ รวมมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ประกอบด้วย

1.นาใต้ เมดิคอล เซ็นเตอร์ แอนด์ รีสอร์ต มูลค่าการลงทุน 3,300 ล้านบาท พัฒนาเป็นศูนย์สุขภาพและความงาม ควบคู่ไปกับรีสอร์ตหรูระดับ 6 ดาว ปัจจุบันเปิดให้บริการในส่วนของโรงแรมแล้ว ส่วนเมดิคอลฯจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 1/2567

2.เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต ในพื้นที่ โรงแรม “วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต” (Wyndham Grand Nai Harn Beach Phuket) โดยเฟสแรกใช้งบลงทุนไป 70 กว่าล้านบาท ใช้พื้นที่ไปประมาณ 500 ตารางเมตร ซึ่งวันที่ 8 กรกฎาคม 2566 จะเปิดให้บริการในส่วนของ “เพลนารีเวลเนส” ศูนย์สุขภาพและความงาม เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบแบบองค์รวม ประกอบด้วย โปรแกรมตรวจสุขภาพเชิงลึก,เวชศาสตร์ชะลอวัย,กายภาพบำบัด และเวชศาสตร์ความงาม เฟส 2 จะเป็น Men’s Health และ Women Health เป็นการดูแลสุขภาพทั้งผู้ชายและผู้หญิงทั้งหมด ส่วนเฟส 3 กำลังศึกษาข้อมูลว่าจะนำบริการรูปแบบไหนเข้ามาใช้บ้าง คาดว่าทั้งโปรเจกต์(3 เฟส)จะใช้งบลงทุนรวมประมาณ 300 ล้านบาท

“เมดิคอล ถือเป็นโปรดักส์ใหม่ในตลาด แต่ เวลเนส รีสอร์ต ที่เป็นการให้บริการเรื่องดูแลสุขภาพในโรงแรม ส่วนอีกแบบหนึ่งคือ การให้บริการเชิงการแพทย์ ที่มีคลินิกเฉพาะทาง โดยสิ่งที่บริษัทฯทำ จะเป็นการนำ 2 รูปแบบมารวมกันเป็น “เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต” เน้นเวชศาสตร์ป้องกันให้มีสุขภาพที่ดี และแข็งแรงตลอด ซึ่งบริษัทถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกๆที่ดำเนินการในรูปแบบดังกล่าว และมีจุดแข็งในเรื่องบุคลากรทางการแพทย์จากประเทศไทยและต่างประเทศ  รวมไปถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ซึ่งปัจจุบันยังถือว่ามีคู่แข่งที่น้อยมาก ส่วนผู้ประกอบการรายอื่นก็จะมีจุดขายที่แตกต่างกันไป”นายอรรถนพ กล่าว

3.พูลวิลล่า บริเวณหาดลายัน โดยยังไม่มีการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ ขณะนี้เรียกว่า “รายัน วิลล่า”โดยเฟส 1 ตั้งอยู่พื้นที่ 16 ไร่ เป็นวิลล่า จำนวน 26 หลัง ราคา 1-2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 35-70 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท

4.ดิ เอท พูลวิลล่า เฟส 2 บริเวณอ่าวฉลอง ตั้งอยู่บนพื้นที่ 11 ไร่ เป็นวิลล่า จำนวน 60 หลัง ราคาตั้งแต่ 7-10 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 600-700 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวในปลายปี 2566 นี้

โดยพูลวิลล่า ที่หาดลายัน และดิ เอสฯ จะเน้นขายลูกค้าต่างชาติ 100% ซึ่งจะมีการซื้อในรูปแบบของการจัดตั้งบริษัทในประเทศไทย และซื้อที่อยู่อาศัย หรือเป็นการเช่าระยะยาว 30+30 ปี ในส่วนของ“วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต” (Wyndham Grand Nai Harn Beach Phuket)  ช่วงไฮซีซั่นตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565-เมษายน 2566 ที่ผ่านมา พบว่ามีอัตราการเข้าพักเกิน 90% และหลังเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2566 อัตราการเข้าพักลดลงมาอยู่ที่ 60-65% ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าต่างชาติทั้งหมด หลากหลายเชื้อชาติ อาทิ ยุโรป ,จีน,อินเดีย และ ตะวันออกกลาง  และในอนาคตมีเป้าหมายจะให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมอยู่ในระดับที่ 75%ต่อปี

“ซิซซา กรุ๊ป ถือว่าเป็นภาคเอกชนรายแรกๆที่เข้ามาบุกเบิก’เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต’ ในจ.ภูเก็ต ซึ่งคาดหวังว่าจะให้ธุรกิจนี้ดำเนินการได้ในช่วงแรกๆ และเพิ่มทำกำไรได้ภายในระยะเวลา 1 ปี โดยคาดว่าธุรกิจเมดิคอลจะช่วยผลักดันรายได้ธุรกิจโรงแรมให้เติบโต 20-30% ซึ่งเริ่มเห็นภาพในปี 2567 และรายได้จะเข้ามาในปี 2568” นายอรรถนพ กล่าวในที่สุด

อนึ่ง โครงการ “วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต”ตั้งอยู่บริเวณชายหาดในหาน มีเนื้อที่ทั้งหมด 11 ไร่ สร้างเป็นอาคารสูง 4 ชั้น จำนวน 12 อาคาร แบ่งเป็นห้อง 2 แบบ ขนาดตั้งแต่ 40 ตารางเมตร ขึ้นไปจนถึง 65 ตารางเมตร จำนวนรวม 353 ยูนิต โดยแบ่ง 4 อาคารบริหารในรูปแบบโรงแรมเต็มรูปแบบ และอีก 8 อาคาร แบ่งขายเพื่อการลงทุน และบริหารการเข้าพักโดย “วินแดม โฮเทล กรุ๊ป” มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท ลงทุนเริ่มต้น 1 ล้านบาท/ราย/ห้อง โดยได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน 7%ต่อปี ซึ่งมีการการันตีผลตอบแทนเป็นระยะเวลา 5 ปี ปัจจุบันเหลือยอดขายประมาณ 10% ด้านการก่อสร้างขณะนี้มีความคืบหน้าแล้วกว่า 95% ซึ่งในส่วนของโรงแรมคาดว่าจะเปิดให้บริการครบวงจรทั้งหมด ภายในเดือนตุลาคม 2566 นี้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*