นางพรมนต์ จันทร์ศรี ผู้อำนวยการสำนักงานฮ่องกง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะกลุ่มคู่รักแต่งงาน ดังนั้น ในปี 2567 ททท.จึงวางแผนส่งเสริมการตลาดเพื่อดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวให้เดินทางเข้ามาแต่งงานในไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมั่นใจว่ากลยุทธ์การดึงคู่แต่งงานชาวฮ่องกงมาจัดที่ไทยจะได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย สามารถดึงดูดชาวฮ่องกงได้ดี โดยเฉพาะจังหวัดชายทะเล

“แต่ละปีจะมีกลุ่มคู่รักแต่งงานชาวฮ่องกงประมาณ 50,000 คู่ ในจำนวนนี้มีกลุ่มที่นิยมเดินทางไปจัดงานที่ต่างประเทศในสัดส่วนประมาณ 10% โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งนิยมความสะดวกสบาย และยินดีใช้จ่ายเพื่อจัดงานแต่งที่ง่ายและคล่องตัว ซึ่งตรงนี้ไทยมีความได้เปรียบเพราะสามารถเลือกสถานที่จัดงานได้หลากหลาย และดูฤกษ์การแต่งที่รวดเร็ว ต่างจากการจัดงานแต่งในฮ่องกง ที่ต้องลงทะเบียนรอคิวนานหลายเดือน และจองคิวโรงแรมล่วงหน้านาน ซึ่งอาจต้องวางแผนข้ามปี รวมถึงค่าใช้จ่ายที่สูง ก็เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้คู่รักชาวฮ่องกงที่มีฐานะดี นิยมเดินทางไปแต่งงานที่ต่างประเทศแทน”นางพรมนต์ กล่าว

นางพรมนต์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ชาวฮ่องกงที่เดินทางเข้าไทยช่วง 7 เดือน (มกราคม – กรกฎาคม 2566) มีจำนวน 454,008 คน โดย ททท. วางเป้าหมายนักท่องเที่ยวฮ่องกงเดินทางเข้าไทยปี 2566 ไว้ที่ 700,000 คน  และมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ  10,000 บาทต่อคนต่อวัน หรือ 30,000 บาทต่อคนต่อทริป เพิ่มขึ้นจาก 7,000 บาทต่อคนต่อวันหรือประมาณ 21,000 บาทต่อคนต่อทริป ในปี 2562 ส่วนปี 2567 ตั้งเป้าหมายเพิ่มค่าใช้จ่ายนักท่องเที่ยวฮ่องกงขึ้นอีก 10%  และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงให้ถึง 1 ล้านคน

“ความได้เปรียบของประเทศไทย คือสามารถเดินทางมาได้โดยง่าย ใช้เวลาบินเพียงไม่ถึง 3 ชั่วโมง ทำให้ประเทศไทย เป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 2 ของชาวฮ่องกง รองจากญี่ปุ่น โดย 1 สัปดาห์จะมีเที่ยวบินตรงจากฮ่องกงมาประเทศไทยประมาณ 89 ไฟลท์ และพบว่าจุดหมายปลายทางอันดับ1 คือ กรุงเทพฯ รองลงมาคือ ภูเก็ต สมุย และ เชียงใหม่ ส่วนใหญ่ชอบท่องเที่ยว กิน ทำสปา ตีกอล์ฟ และพบว่าสัดส่วน 60% ของนักท่องเที่ยวฮ่องกงที่เดินทางมาประเทศไทยจะเป็นผู้หญิงโสดในวัยทำงาน  อย่างไรก็ตาม อุปสรรคที่เป็นปัญหาต่อการขยายตลาดการท่องเที่ยวในฮ่องกงคือสายการบินไม่เพียงพอ เพราะหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้บางสายการบินยังไม่กลับมาทำการบินเส้นทางไทย-ฮ่องกง มากเท่าที่ควร”นางพรมนต์ กล่าว

ด้าน น.ส.นภารัตน์ วุฒิวัฒน์ ผู้อำนวยการกองบริหารความเสี่ยง และอดีต ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท สำนักงานฮ่องกง กล่าวว่า พฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกง เมื่อเทียบระหว่างก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 และหลังโควิด-19  พบว่าก่อนโควิดมักจองที่พักพร้อมตั๋วเครื่องบิน แต่พอหลังวิกฤติโควิด-19 จะนิยมจองตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่นก่อน เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า เพราะหลังวิกฤติโควิด-19 ราคาตั๋วเครื่องบินมีการปรับสูงขึ้น และหากได้ตั๋วโปรโมชั่นแล้วจึงค่อยมีการจองที่พักเป็นลำดับถัดไป  ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วชาวฮ่องกงจะนิยมเดินทางในประเทศไทยประมาณ 3 ครั้ง/ปี

“ดังนั้นสิ่งที่อยากส่งไม้ต่อ  คือการเน้นทำงานร่วมกับสายการบินให้มาก เพื่อจัดโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันฮ่องกงเป็นตลาดเก่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่เดินทางมาเที่ยวไทยซ้ำถึง 80% และนักท่องเที่ยวหน้าใหม่เพียง 20% ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมุ่งหาเจาะตลาดนักท่องเที่ยวใหม่เข้ามาในตลาด โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มีการใช้จ่ายสูง แต่ก็ต้องหาที่พักที่หรูหรา หรือกิจกรรมใหม่ๆ เพื่อดึงดูดการเดินทางด้วย”น.ส.นภารัตน์ กล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*