“แอสเซทไวส์” มั่นใจศักยภาพ “เศรษฐา ทวีสิน”มีความเข้าใจเศรษฐกิจ-อสังหาฯไทยดี วอนขยายมาตรการที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาท ไปทุกระดับราคา เชื่อ 4 ปีนี้เศรษฐกิจฟื้นตัวแน่ เดินหน้ารุกตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีหลัง ลุยเปิดแนวราบแบรนด์ใหม่ “ดิ อาเบอร์ ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ” เพียง 76 ครอบครัวเท่านั้น ในราคาเริ่มต้น 12 – 20 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,070 ล้านบาท เตรียมเปิดพรีเซลวันที่ 2 – 3 ก.ย.66 นี้
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เปิดเผยว่า จากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 พร้อมควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ด้วยนั้น รู้สึกดีใจ เพราะนายเศรษฐา มีความเข้าในเรื่องอสังหาเพื่อขาย-เช่า และเรื่องภาษีที่ดินฯเป็นอย่างดี ซึ่งอยากให้พิจารณาในเรื่องมาตรการลดค่าโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย และลดค่าจดจำนอง สำหรับบ้าน ทาวน์โฮม และคอนโดฯ ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ให้ขยายไปในทุกระดับราคา เพราะต้นทุนที่ดินในพื้นที่กรุงเทพฯราคาค่อนข้างสูง หากยังใช้มาตรการเดิม ที่ดินที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ก็จะหาได้ยาก ส่วนเรื่องนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดิน จะช่วยผลักดันไปยังประชาชนระดับล่างและช่วยเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี  จึงเชื่อว่าระยะเวลา 4 ปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวดีแน่นอน

“ด้วยศักยภาพของประเทศไทยและระบบสาธารณูปโภคของภาครัฐที่รัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ทำไว้ได้ดีอยู่แล้ว และหลังจากนี้ไปหากได้นายกฯที่มีความเข้าใจเศรษฐกิจก็จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจใปประเทศไทยเติบโตได้อย่างรวดเร็ว” นายกรมเชษฐ์ กล่าว

นายกรมเชษฐ์ กล่าวถึง ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีหลัง 2566 ว่า จะมีการปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากมีประชาชนเกิดความมั่นใจหลังจากการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงมีกำลังซื้อจากกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวหลังโควิดเป็นแรงหนุน ทำให้ตลาดอสังหาฯ กลับมาคึกคักกว่าช่วงครึ่งปีแรก โดยเห็นได้จากการเติบโตของตลาดบ้านเดี่ยว ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มราคา 10-25 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่แข็งแกร่ง เนื่องจากมีรายได้สูง, มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) ต่ำ และไม่ค่อยได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจมากนัก รวมถึงยังมีความต้องการที่จะมองหา หรือขยับขยายที่อยู่อาศัย ทำให้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บ้านเดี่ยวมีอัตราการขายเติบโตสูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดบ้านกลุ่มอื่น ๆ

“จากปัจจัยบวกเหล่านี้ บริษัทฯ มองว่าเป็นจังหวะที่ดีเพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดอีกครั้ง ด้วยการขยายพอร์ตของบริษัทฯ สู่โครงการแนวราบ โดยในปี 2566 นี้แอสเซทไวส์ฯมีแผนเปิดตัวบ้านเดี่ยวรวม 3 แบรนด์ จับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง – บน ได้แก่ Esta บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดระดับราคา 4.6 – 6 ล้านบาท, The Arbor บ้านเดี่ยวระดับราคา 12 – 20 ล้านบาท และ The Honor บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่เป็นซูเปอร์ลักชัวรี่ ระดับราคา 40 – 60 ล้านบาท  โดยแบรนด์ The Arbor จะเปิดขายบน 2 ทำเลศักยภาพ ได้แก่ ดอนเมือง – แจ้งวัฒนะ และ รามอินทรา – วัชรพล มูลค่าโครงการรวมกว่า 2,470 ล้านบาท ซึ่งจะนำร่องเปิดตัวโครงการแรกกับโครงการ The Arbor ดอนเมือง – แจ้งวัฒนะ มูลค่าโครงการ 1,070 ล้านบาท ในเดือนกันยายน 2566 นี้ ” นายกรมเชษฐ์ กล่าว

ล่าสุดได้เตรียมเปิดตัว โครงการ “ดิ อาเบอร์ ดอนเมือง – แจ้งวัฒนะ”(The Arbor Donmueang-Chaengwatthana) ตั้งอยู่บนพื้นที่ 25 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยวแนวคิดใหม่สไตล์ครีเอทีฟโมเดิร์น ขนาดตั้งแต่ 50-129 ตารางวา ราคาเริ่มต้นที่ 12-20 ล้านบาท จำนวน 76 ยูนิต ที่มีการออกแบบมาให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และจำนวนสมาชิกของผู้อยู่อาศัย ได้แก่ แบบ Ash (ขนาด S) พื้นที่ใช้สอย 217 ตารางเมตร ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ พื้นที่จอดรถ 2 คัน, แบบ Aether (ขนาด M) พื้นที่ใช้สอย 246 ตารางเมตร โดยประกอบด้วย 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ และที่จอดรถสำหรับ 3 คัน, แบบ Blossom (ขนาด L) พื้นที่ใช้สอย 290 ตารางเมตร ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ ที่จอดรถสำหรับ 3 คัน และห้องแม่บ้าน และแบบ Breeze (ขนาด XL) พื้นที่ใช้สอย 327 ตารางเมตร ประกอบด้วย 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ ที่จอดรถสำหรับ 3 คัน และห้องแม่บ้านมูลค่าโครงการ 1,070 ล้านบาท โดยจะเริ่มเปิดพรีเซลในวันที่ 2-3 กันยายน 2566 นี้

“ในย่านศรีสมานนี้ มีซัพพลายบ้านเดี่ยวระดับบน ที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่ก็มียอดขายที่ดี และโครงการ“ดิ อาเบอร์ ดอนเมือง – แจ้งวัฒนะ”ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของดีมานด์ในย่านนี้ ซึ่งที่ดินในย่านนี้ก็หาค่อนข้างยาก ปัจจุบันราคาพุ่งไปที่ 40,000 บาท/ตารางวา”นายกรมเชษฐ์ กล่าว

โครงการดังกล่าว พัฒนาภายใต้แนวคิด Nature Creates Design เข้าใจทุกการอยู่อาศัย ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างอย่างเฉพาะตัว เพื่อทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบ New Alternative Modern Living สะท้อนถึงการใช้ชีวิตอย่างแตกต่าง สะดุดตากับ Façade ด้านหน้าที่เป็น Modern Architecture ใช้ชีวิตด้วยแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ได้ทุกวัน สอดรับการใช้ชีวิตคนเมืองแบบใหม่ในบรรยากาศใกล้ธรรมชาติ และเพิ่มความอบอุ่นด้วยแสงจากธรรมชาติที่สามารถลอดผ่านบ้านตามช่วงเวลา สร้างความแตกต่างทั้งด้านความงามและอารมณ์ของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้ออกแบบพื้นที่พิเศษซึ่งเป็นไฮไลท์ของโครงการด้วย Inner Courtyard พื้นที่พักผ่อนส่วนตัว บริเวณชั้น 2 ของบ้านทุกหลัง โดยใช้ต้นไม้เข้ามาเสริมความร่มรื่นภายในบ้าน ที่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติตลอดเวลา Connecting Space การออกแบบพื้นที่ระหว่างห้องนั่งเล่นและโซนรับประทานอาหารให้สามารถเชื่อมต่อทุกการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของคนในครอบครัว รวมถึงยังเพิ่ม Transition space บริเวณโถงทางเข้า เพื่อเปลี่ยนถ่ายความรู้สึกจากภายนอก ก่อนเข้าสู่การพักผ่อนในบ้าน

“ในส่วนของ Clubhouse ส่วนกลางนั้น ประกอบไปด้วยห้องพักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศผ่อนคลาย ด้วยดีไซน์โปร่งโล่งด้วยช่องแสงขนาดใหญ่ใกล้พื้นที่สีเขียว Fitness ห้องออกกำลังกายที่สามารถชมวิวสวนและทะเลสาบ, Swimming Pool สระว่ายน้ำขนาดใหญ่, Co-Working Space พื้นที่สำหรับครีเอทหรือวางแผนงานต่าง ๆ, Arbor Park สวนส่วนกลางขนาดใหญ่ที่รองรับทุกกิจกรรมของครอบครัว และ The Lake ทะเลสาบขนาดใหญ่ใจกลางโครงการ พร้อมเสริมความใกล้ชิดธรรมชาติด้วยพื้นที่สีเขียวกว่า 4 ไร่ ที่กระจายอยู่ทั่วโครงการฯ”นายกรมเชษฐ์ กล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*