แอสเซท ไฟว์ฯ ปรับโฉมรีแบรนด์-โลโก้ใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “A5 GREATNESS Inspired by Love : ความรักสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้” สะท้อนตัวตนบริษัทอสังหาฯ ที่มั่นคง ทันสมัย ใช้หัวใจที่ยิ่งใหญ่สร้างสรรค์ความสุขให้คนที่รัก ภายใต้ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ“A5” ปลายปีจ่อผุด “วนา ราชพฤกษ์-เวสต์วิลล์ ราคา 25-50 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 1,700 ล้านบาท  เจาะกลุ่มดีมานด์กระเป๋าหนัก ตั้งเป้า 3 ปี เปิดตัวใหม่รวม 14 โครงการ  หวังดันให้รายได้ปี 69 แตะ 5,000 ล้านบาท หรือระยะเวลา 3 ปี (2567-2569)เติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 40% ต่อปี

นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ
A5
ผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูงที่สร้างความแตกต่างอย่างมีคุณค่า เปิดเผยว่า ได้รุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงโค้งสุดท้ายปี 2566 โดยได้มีการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ด้วยการรีแบรนด์ Asset Five ให้อยู่ภายใต้ Umbrella Brand หรือ แบรนด์เดียวคือ “A5” (เอไฟว์) ด้วยคอนเซ็ปต์ “A5 GREATNESS Inspired by Love : เราเชื่อว่าความรักสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้” ด้วยการใช้หัวใจที่ยิ่งใหญ่ สร้างสรรค์ “ความสุข” ให้คนที่เรารักผ่าน 5 A โดยมีวัตถุประสงค์หลัก ดังนี้
-เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ A5 ให้ดูอบอุ่น เข้าถึงง่าย และใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น
-เพื่อให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น สอดคล้องกับการปรับวิสัยทัศน์ใหม่ของกลุ่ม A5

-เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่และทุกเจเนอเรชั่น


“โดยทุกโครงการแทรกครบ 5 องค์ประกอบ เพื่อทำอสังหาฯ ด้วยความรักและความใส่ใจ เพราะรากของการสร้างบ้าน คอนโดฯ ทั้งหมดเกิดจากความรัก โดยส่วนตัวผมที่ทำอสังหาฯ ก็เกิดจากความรัก และองค์กรของเราก็มี Passion แบบนี้ ซึ่งก็เป็นตัวตนของเรา และการที่ตนรักและหลงใหลเรื่องการทำอสังหาฯ ตั้งแต่เด็กๆ ไม่ใช่เพราะเกิดในตระกูลอสังหาฯ แต่การทำอสังหาฯ มันอยู่ในสายเลือด เราเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จได้ต้องรักในสิ่งที่ทำ และทำมันด้วยความรักจึงพัฒนาโครงการภายใต้คอนเซ็ปต์ A5 GREATNESS Inspired by Love ใช้หัวใจที่ยิ่งใหญ่”นายศุภโชค กล่าว

 

นายศุภโชค กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯต้องการสร้างสรรค์ “ความสุข” ให้คนที่เรารักผ่าน 5 A เพราะฉะนั้นลูกค้าจะรับรู้ถึงความตั้งใจในทุกๆ อย่างที่เราถ่ายทอดไปยังโครงการทุกโครงการ บ้านทุกหลังที่สะท้อนผ่านองค์ประกอบ 5 A คือ

1.A Better Me : เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ให้คุณ “ภูมิใจ” ที่ได้เลือกบ้านที่ใช่อยู่แล้วสุขกายสบายใจ เพราะเราดูแล “ใส่ใจ” ในทุกดีเทล ทั้งทำเลที่ตั้ง การพัฒนาสินค้า และวัสดุ

2.A Happy Home : ให้ทุกคนในบ้านได้อยู่ร่วมกันอย่างมี “ความสุข” เพื่อสานความรักความอบอุ่นในครอบครัวผ่านบ้านที่ดีไซน์ทุกตารางเมตรให้มีช่วงเวลาที่ดีในทุกวัน

3.A Place Full of Memories : ให้ทุกๆ พื้นที่ในบ้าน คือ ไดอารี่ของความประทับใจ และเป็นพื้นที่แห่ง “ความทรงจำ” สุดพิเศษของทุกคน  เพราะ “บ้าน” มีความหมายมากกว่าแค่คำว่า “บ้าน” 

4.A Life Full of Joy : ให้คุณอยู่ใน “สังคมที่ดี” และปลอดภัย สร้างพื้นที่ให้เกิดความสัมพันธ์เชื่อมต่อกับคนสำคัญอย่างไร้กังวล เพราะไม่มีอะไรสำคัญกว่ารอยยิ้มของคนที่เรารักและได้มีความสุขร่วมกัน เมื่ออยู่ภายใต้รั้วในทุกโครงการของเรา

5.A Better Planet : ใช้นวัตกรรมที่ใส่ใจโลก เพื่อให้คุณอยู่ในอนาคตอย่าง “ยั่งยืน” การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเราจึงพัฒนาภายใต้แนวคิด “กรีน คอนเซ็ปต์” รวมถึงการมีจิตใจแห่งความยั่งยืน ที่คิดถึงคนอื่น คิดถึงสังคม คิดถึงโลก คิดถึงสิ่งแวดล้อม และคิดถึงคนรุ่นถัดไป

โดยโลโก้ A5 ใหม่รูปทรงหัวใจสะท้อนความรัก A5 คล้องใจลูกค้า

นอกจากการรีแบรนด์ ที่สะท้อนความเป็นอัตลักษณ์ขององค์กรแล้ว การปรับโลโก้ A5 ใหม่ก็มีความสำคัญต่อการรีแบรนด์รูปทรงโลโก้ หัวใจที่เกี่ยวกันนี้เปรียบเสมือน ความรักของ A5 ที่คล้องใจอีกดวงของลูกค้า ภายใต้คอนเซ็ปต์ A5 GREATNESS Inspired by Love ใช้หัวใจที่ยิ่งใหญ่ สร้างสรรค์ “ความสุข” ให้คนที่เรารักผ่าน 5 A นอกจากนี้ภายใต้โลโก้จะประกอบไปด้วย A, เลข 5 และหัวใจที่จัดวางอย่างลงตัว

“โลโก้ A5 ใหม่ต้องการสื่อสารไปยังผู้บริโภคว่า “เดิมทุกคนจะรู้สึกว่า A5 เป็นแบรนด์บ้านหรู ถ้าพูดถึง A5 จะนึกถึง CINQ Royal และ Vana Residence ที่เน้นความหรูหรา ในขณะเดียวกันก็อาจทำให้เข้าถึงยาก ห่างไกล  ถึงเราจะทำบ้านหรู แต่เต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่น เข้าถึงง่าย ความเข้าใจ อ้าแขนคอยโอบกอดทุกคนได้ เราใส่ใจทุกดีเทล คัดสรรค์ Material อย่างดีที่สุด ตั้งใจสร้างบ้านให้กับคนที่รักมากที่สุดคือ ลูกค้านั่นเอง”นายศุภโชค กล่าว

สำหรับความหมายการเลือกใช้สีทองและสีแดงเบอร์กันดี้บนโลโก้ A5 ใหม่นั้น นายศุภโชค กล่าวว่า “สีทอง” หมายถึงความโชคดี ความเจริญรุ่งเรือง สื่อถึงความหรูหรา และเป็นมงคล นำพาเรื่องดีๆ มาให้เสมอ โดยที่สีทองยังเป็น DNA ของ A5 เสมอมา และยังนำมาใช้ในโลโก้ใหม่นี้ด้วย  ส่วน “สีแดงเบอร์กันดี้” หมายถึง ความมีระดับ ความรัก ความใส่ใจ สื่อถึงความหรูหราอย่างมีระดับ และยังสื่อถึงความอดทนรอคอยความสำเร็จ เหมือนไวน์แดงที่ผ่านการบ่มมายาวนานจนได้ไวน์ชั้นดี

นายศุภโชค กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของแผนการพัฒนาโครงการนั้นบริษัทฯยังคงเดินหน้าเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยที่ในช่วงไตรมาส 4/2566 จะเปิดตัวใหม่อีก 1 โครงกา คือ  โครงการ “วนา ราชพฤกษ์-เวสต์วิลล์” ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 17 ไร่ มีให้เลือก 3 แบบบ้าน ขนาดตั้งแต่ 60-140 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 415-556 ตารางเมตร ราคา 25-50 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 1,700 ล้านบาท  เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่ม Real Demand ในโซนตะวันตกของกรุงเทพฯ ที่เบื่อบ้านแบบเดิมๆ มองหาบ้านดีไซน์ใหม่ที่แตกต่าง กับทำเลที่มีการเติบโตและตอบโจทย์ครบในที่เดียว ทั้งมีความเป็นเมือง เดินทางไปทำงานสะดวก ใกล้ห้างหรือแหล่งไลฟ์สไตล์ และใกล้ชิดธรรมชาติ มีรายได้ต่อครอบครัว 300,000 บาทขึ้นไป อาชีพเจ้าของธุรกิจ หรือพนักงานบริษัท Executive Level ซึ่งโครงการดังกล่าวมีจุดเด่นเรื่องทำเล ส่วนกลาง และดีไซน์ เชื่อมั่นว่าจะตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้าเกิน 50% แล้ว โดยคาดว่าในปลายปี 2566 นี้จะสามารถทำยอดขายเฟสแรกคิดเป็นมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท

“นอกจากจุดเด่นต่างๆ ดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ ยังมั่นใจในตัวโปรดักส์ที่เป็นบ้านเดี่ยวรูปแบบใหม่ 3 ชั้น ซึ่งจะเห็นว่าจะยังไม่ถูกพัฒนาในย่านราชพฤกษ์นี้มานาน ส่วนใหญ่จะอยู่ไกลออกไป “วนา” จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับดีมานด์ที่ Niche พอสำหรับความแตกต่างในโซนนี้ และตลาดบ้านในโซนนี้ยังมีความต้องการต่อเนื่องเห็นได้จากอัตราการขายอยู่ที่ 1-5 ยูนิตต่อเดือนและยังมีซัพพลายเกิดใหม่เสมอ โดยบ้านเดี่ยวส่วนใหญ่ราคาจะอยู่ในช่วง 13-60 ล้านบาท”นายศุภโชค กล่าว

ขณะที่ในปี 2567 ยังมีแผนจะเปิดตัวอีก 3 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 6,700 ล้านบาท แบ่งเป็นการพัฒนาในพื้นที่กรุงเทพฯ 2 โครงการ คือ CINQ 2 กับ VANA 3 และที่จ.อุดรธานี อีก 1 โครงการ ภายใต้แบรนด์ “รชยา” พร้อมกับวางงบซื้อที่ดินในปี 2567 ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท เพื่อรองการซื้อที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ๆในอนาคต ส่วนในปี 2568 จะเปิดตัวใหม่ 5 โครงการ และในปี 2569 รุกขยายเปิดตัวเพิ่ม 6 โครงการ รวมระยะเวลา 3 ปี  บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวม 14 โครงการ  เพื่อผลักดันให้รายได้ของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5,000 ล้านบาท ในปี 2569 ขณะที่ในปี 2566 มั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าที่ 1,600 ล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกมีรายได้ 600 ล้านบาท ซึ่งในครึ่งปีหลังจะมีการโอนบ้านที่ส่งมอบให้กับลูกค้ามูลค่ารวมประมาณ 1,000 ล้านบาทเข้ามาเพิ่มเติม จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีอยู่ 2,300-2,400 ล้านบาทโดยรายได้จะเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 40% ต่อปี ในช่วงปี 2567-2569

“ปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เผชิญกับแรงกดดันที่มาจากภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น แมกระทบต่อต้นทุนการพัฒนาโครงการ ประกอบกับกำลังซื้อที่ชะลอตัวลง จากความผันผวนและความสม่แน่นอนของเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้นมาค่อนข้างมาก ทำให้การตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์อาจจะชะลอตัว รวมถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติยังไม่กลับมาคึกคัก แต่มองว่าการผลักดันนโยบายของรัฐบาลใหม่อยากให้ช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วยเช่นกัน เพราะภาคอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนต่อจีดีพีที่สูงถึง 1 ใน 5 ซึ่งหากภาคอสังหารริมทรัพย์ดีขึ้น ก็จะเป็นแรงส่งไปยังธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆในซัพพลายเชน และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้” นายศุภโชค กล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*