3สมาคมอสังหาฯ ชงรัฐบาลใหม่ออกมาตรการช่วยเหลือคนซื้อบ้านหลังแรก  พร้อมต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอน จดจำนอง พร้อมต่ออายุมาตรการผ่อนคลายเพดาน LTV เป็น 100% ของสัญญาซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่สองด้วย และให้แบงก์ชาติช่วยลดดอกเบี้ยอัตราพิเศษคงที่ 1-2% นาน 5 ปี เผยงานหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 44 ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายให้กับผู้ประกอบการ และเป็นโอกาสทองให้คนมีบ้านได้ง่ายขึ้น คาดหวังยอดขาย 4วัน 3,500 ล้านบาท

ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกกิตติมศักดิ์และที่ปรึกษา สมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ช่วงวิกฤติโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน กลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยติดกับดัดเรื่องรายได้ ทำให้ต้องพึ่งเงินในอนาคตมาใช้ล่วงหน้า รวมถึงบัตรกดเงินสดและการพึ่งพาเงินกู้นอกระบบ ทำให้ความสามารถในการกู้เงินลดลง ประกอบกับปัจจุบันยังได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นและเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ยากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคระดับกลาง-ล่าง ซึ่งเป็นฐานใหญ่ของประเทศไทย

ดังนั้นจึงเสนอให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือกลุ่มคนซื้อบ้านหลังแรก ด้วยการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนทั่วไป สําหรับผู้ที่ไม่เคยมีบ้านมาก่อน ด้วยการต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมธุรกรรมการซื้อที่อยู่อาศัย และให้ครอบคลุมบ้านทุกระดับราคา ไม่จำกัดแต่ราคาบ้านไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันกรมที่ดินได้ลดค่าธรรมเนียมการจดจำนองที่อยู่อาศัยเหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย อยู่ที่1.0% ของราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์

นอกจากนี้อยากเสนอให้รัฐบาลต่ออายุมาตรการผ่อนคลายเพดาน LTV เป็น 100% ของสัญญาซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่สองด้วย เพราะถือเป็นความจำเป็นของประชาชนกลุ่มหนึ่งที่มีการซื้อบ้านหลังที่ 2 เพราะต้องย้ายงานไปทำงานต่างจังหวัดหรือเปลี่ยนที่อยู่อาศัยใหม่  รวมทั้งควรยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% เพื่อให้ราคาบ้านถูกลงอย่างเป็นรูปธรรม และให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สนับสนุนสินเชื่อเงินกู้ซื้อบ้านหลังแรกในอัตราดอกเบี้ยคงที่พิเศษ 1-2% ระยะเวลา 5 ปี

นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ปัจจุบันกำลังซื้อของกลุ่มผู้บริโภคลดลงและเข้าถึงสินเชื่อเงินกู้ได้ยากขึ้น และต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของสถาบันการเงิน หลังจากกนง.ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากเดิม 2.25% เพิ่มเป็น 2.50% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สูงสุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่การเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์หายไปจากตลาดมากแล้วโดยเฉพาะในช่วงกว่า 4 ปีที่ผ่านมาหลังเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนั้นจึงอยากเสนอให้ธปท.ทบทวนยกเลิกมาตรการ LTV รวมทั้งนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการถือครองที่ดินของชาวต่างชาติให้ชัดเจน

ด้านนายวสันต์ เคียงศิริ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันรัฐบาลควรปลดล็อคมาตรการ LTV ที่ยกเลิกไปตั้งแต่ปี 2565 และขอให้รัฐบาลปรับลดการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแบบขั้นบันได ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจยังไม่สู้ดี โดยอาจจะเริ่มจากปี 2567 จัดเก็บในอัตรา 50% ปี 2568 จัดเก็บ 75% และปี 2568 ขยับเป็น 100% เป็นต้น เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้บริโภค

ส่วนภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงไตรมาส 4 นี้ คาดว่าจะดีขึ้น หลังจากกำลังซื้อได้ชะลอตัวต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ที่ผ่านมา ประกอบกับช่วงปลายปีนี้เป็นฤดูกาลของการขายอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ และ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องการทำยอดขายและรายได้ให้ได้ตามเป้า จึงได้จัดโปรโมชั่นพิเศษเพื่อเร่งสร้างยอดปล่อยสินเชื่อใหม่และสร้างยอดโอนในช่วงปลายปีนี้

โดยในช่วงวันที่ 2 – 5 พฤศจิกายนนี้ 3 สมาคมอสังหาฯได้ร่วมมือกันจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 44 ที่ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์และซัพพลายเออร์ด้านวัสดุก่อสร้าง สุขภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า มาร่วมนำเสนอโปรโมชั่นราคาพิเศษตลอดการจัดงานทั้ง 4วัน

ดร.ทัพพ์เทพ ภัคกระนก ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 44 กล่าวว่า งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 44 นี้ ทางสามสมาคมผู้จัดงานทั้งสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุดไทย และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้ใช้คอนเซ็ปต์ “Property Solutions” เพื่อเป็นมาร์เกตเพลสที่ครบจบทุกอย่างเรื่องบ้านในงานเดียว เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตและทุกดีมานด์ของผู้บริโภคทั้ง Gen X, Yและ Z

โดยได้รวมผู้ประกอบการทั้งดีเวลลอปเปอร์ กลุ่ม NPA และซัพพลายเออร์ด้านวัสดุก่อสร้าง สุขภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น รวมถึงสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารยูโอบี จำนวนกว่า 150 รายมาร่วมออกบูธในงาน รวมทั้งมีโครงการที่อยู่อาศัยมากกว่า 1,000 โครงการจากทั่วประเทศมาให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อ แบ่งสัดส่วนเป็นคอนโดมิเนียม 35% ทาวน์เฮาส์ 30% บ้านเดี่ยว 20% บ้านแฝด 10% และอื่นๆ เช่น ที่ดิน บ้านมือสอง อีก 5% โดยมีโครงการในกรุงเทพฯ และปริมณฑลอยู่ที่ 70% และอีก 30% เป็นโครงการจากจังหวัดอื่นๆ ซึ่งรวมถึงเมืองเศรษฐกิจ อย่าง เชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี เป็นต้น

ทั้งนี้คาดว่าตลอดการจัดงานทั้ง 4วันจะมีประชาชนเข้าร่วมงานมหกรรมบ้านและคอนโดประมาณ 8-9 หมื่นคนแบ่งเป็นกลุ่มคน Gen X ประมาณ 15% Gen Y อยู่ที่ 70% Gen Z อยู่ที่ 10% และอื่นๆ อีก 5% ส่วนเป้ายอดขายในวันงานได้ตั้งไว้ประมาณ 3,500 ล้านบาท  โดยคณะกรรมการผู้จัดงานและโครงการต่างๆ ได้เตรียมโปรโมชั่นไว้ให้กับผู้บริโภค อาทิ จองที่อยู่อาศัยในงานมีสิทธ์ลุ้นรับทองคำ 10 บาท และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมมูลค่าของรางวัลเกือบ 6 แสนบาท นอกจากนี้ยังมีแคมเปญพิเศษเฉพาะในงานนี้จากโครงการที่เข้าร่วม เช่น ส่วนลดเงินสด รถยนต์ และอื่นๆ อีกมากมาย

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*