กลุ่มทรอปิคอล เฮอริเทจฯเตรียมคัมแบ็กรุกอสังหาฯเต็มสูบในรอบกว่า 10 ปี เล็งนำที่ดินย่านบางนา-ราชพฤกษ์ ผุดบ้านเดี่ยว ราคา 30 ล้านบาทขึ้นไป, คอนโดฯโลว์ไรส์ และคลังสินค้า ประมาณ 4 โครงการ รวมมูลค่า 2,000 ล้านบาท ทั้งสนนำแลนด์แบงก์ย่านสุขุมวิท 26-สาทร-ภูเก็ต ร่วมทุนพันธมิตรไทย-ต่างชาติ หวังลดความเสี่ยง อนาคตสนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในรูปแบบ Back-door Listing
ดร.ทัพพ์เทพ ภัคกระนก กรรมการ บริษัท ทรอปิคอล เฮอริเทจ จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ครอบครัวของตนมีประสบการณ์ในการพัฒนาคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ ราคา 2-3 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์” Excellence” และบ้านเดี่ยว ระดับราคา 3-5 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ซีรีนเพลสมาตั้งแต่ปี 2555 รวม 4 โครงการ ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับกลุ่มพันธมิตรในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายกลางเล็ก ปรากฏว่าได้รับผลตอบรับที่ดี

ส่งผลให้ในปี 2567 ทางครอบครัวมีแผนที่จะกลับมารุกการพัฒนาโครงการอสังหาฯอย่างเต็มตัวอีกครั้ง ซึ่งมีที่ดินรองรับแล้วสามารถพัฒนาได้ 4 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท ได้แก่ ทำเลบางนา  กิโลเมตรไม่เกิน 20 ประมาณย่านบางพลี เป็นการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว 1 แปลง (ฝั่งขากเข้ากทม.)ราคาตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป และคลังสินค้า (Warehouse) 1 แปลง (ฝั่งขาออกกทม.)ซึ่งจะดำเนินการทั้งปล่อยให้เช่าและขายขาด

ส่วนอีก 2 แปลงอยู่ทำเลราชพฤกษ์ ใกล้เดอะวอล์ค ราชพฤกษ์โดยเป็นการพัฒนาคอนโดฯโลว์ไรส์ 1 แปลง และบ้านเดี่ยว อีก 1 แปลง ราคา 30 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งทุกโครงการจะเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรรายใหม่ มีทั้งคนไทยที่ดำเนินธุรกิจกลุ่มยานยนต์  ที่ต้องการขยายฐานการลงทุนในธุรกิจอื่น เนื่องจากมีเงินทุนเป็นจำนวนมาก และกลุ่มทุนต่างชาติ ชาวญี่ปุ่น 2 ราย ซึ่งดำเนินธุรกิจอสังหาฯ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจา

อีกทั้งยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาที่จะนำที่ดินทำเลสุขุมวิท 29 หรือ สาทร มาพัฒนาในรูปแบบของคอนโดฯด้วยเช่นกัน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการตัดสินใจในเรื่องรูปแบบการพัฒนา ว่าจะเป็นการลงทุนโดยตรงหรือการเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรจากต่างประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพมากขึ้นแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะไปพัฒนาคอนโดฯโลว์ไรส์ สูง 8 ชั้น ที่ ต.เชิงทะเล .ภูเก็ต ซึ่งจะเป็นการซื้อที่ดินจากแลนด์ลอร์ด พื้นที่ประมาณ 25 ไร่ โดยการพัฒนาจะเป็นการร่วมทุนกับผู้ประกอบการในจ.ภูเก็ต ซึ่งปัจจุบันราคาที่ดินในย่านดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 10.5 ล้านบาท/ไร่ แม้ราคาที่ดินจะสูงแต่ก็มีความมั่นใจในการพัฒนา เพราะภูเก็ต ถือว่าเป็นหัวเมืองท่องเที่ยวที่มีอัตราการเติบโตเป็นอย่างมาก อีกทั้งดีมานด์ซัพพลาย ก็มีอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์ โดยกลุ่มทุนทั้งคนไทยและต่างชาติจะให้ความสำคัญเข้าไปลงทุนอย่างต่อเนื่อง คาดว่าการซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวจะสามารถสรุปได้กลางปี 2567 หลังจากนั้นก็จะสามารถพัฒนาได้ทันที

การที่เราดึงพันธมิตรมาร่วมทุนเพราะต้องการลดความเสี่ยง และนำโนว์ฮาวของพันธมิตรมาพัฒนาโครงการให้มีศักยภาพ ซึ่งทุกโครงการที่พัฒนาจะเป็นแบรนด์ใหม่ทั้งหมด และในอนาคตก็มีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย ซึ่งอาจจะเป็นการเข้าไปในรูปแบบโดยอ้อม (Back-door Listing) นอกจากนี้ทางครอบครัวเรายังมีที่ดินสะสมในพื้นที่ต่างจังหวัดอีกหลายแปลง อาทิ ฉะเชิงเทรา แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ดร.ทัพพ์เทพ กล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*