ออริจิ้นฯคาดการณ์ปี 67 เศรษฐกิจโลก-ตลาดอสังหาฯไทยเริ่มฟื้นตัวจากปัจจัยบวก เศรษฐีจีนเริ่มกลับมา สัดส่วนเพิ่มเป็น 10% จากปี 66 ด้านการท่องเที่ยวพบตัวเลขอินเดีย แซงจีนแล้วประมาณ 5 ล้านคน ส่งผลดีต่อไทย เพราะมีความเป็นกลางทางการเมืองโลก ล่าสุดขนสินค้าในพอร์ตกว่า 30 โครงการ ร่วมงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 44 ตั้งเป้ากวาดยอดขาย 4 วัน 700-800 ล้านบาท และหลังจบงาน 2 สัปดาห์ อีกประมาณ 200-300 ล้านบาท
นายพีระพงศ์ จรูญเอก นายกสมาคมอาคารชุดไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกและตลาดอสังหาฯในปี 2566 จะยังไม่ค่อยฟื้นตัวดี แต่คาดว่าในปี 2567 เริ่มจะมีปัจจัยบวก จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเข้ามาเสริม ส่งในเรื่องของเงินดิจิทัล 10,000 บาท คงไม่ค่อยคาดหวังว่าจะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงใด แต่คาดหวังว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)จะอยู่ที่ประมาณ 3-4%  และคาดหวังว่าชาวจีนจะกลับมา เพราะเศรษฐีจีนยังมีความต้องการกระจายความเสี่ยง ด้วยการนำเงินมาลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปี 2559-2560 ที่มีนักลงทุนชาวจีนเข้ามาซื้ออสังหาฯในไทยมากที่สุดในสัดส่วนเกือบ 20% ของกำลังซื้อทั้งหมด และในปี 2567 คาดว่ากำลังซื้อชาวจีนจะขยับตัวเลขจาก 5% ในปี 2566 เป็น 10% ในปี 2567

“การกีดกันทางด้านการค้า ยังทำให้ผู้ประกอบการในจีนย้ายฐานการผลิตมาที่เมืองไทยมากขึ้น เช่น การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ที่เข้ามาตั้งฐานผลิตในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถส่งออกได้ง่ายขึ้น เป็นต้น เหล่านี้ก็เป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลดีกับประเทศไทยทั้งหมด”นายพีระพงศ์ กล่าว

นายพีระพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สัดส่วนของลูกค้าจีนที่ลดลงในปีนี้ ยังมีลูกค้าจากชาติอื่นๆ เข้ามาทดแทนมากขึ้นด้วยเช่นกัน เช่น อินเดีย,รัสเซีย,ไต้หวัน และเมียนมา เป็นต้น โดยเฉพาะอินเดีย จากข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย แซงชาวจีนไปแล้วประมาณ 5 ล้านคน ซึ่งก็ถือว่าเป็นผลดีกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทย ถือว่าเป็นการได้ตลาดใหม่ๆ เข้ามา ขณะที่กลุ่มประเทศที่มีความขัดแย้งกันทั้งโลก ก็จะมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยเช่นเดียวกัน เพราะประเทศไทยถือว่ามีความเป็นกลางในเรื่องของการเมืองโลก

ทั้งนี้ ปัจจุบันอันดับของลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยมากสุดสุด ได้แก่ ชาวจีนและฮ่องกง รวมกันเป็นอันดับ 1 รองลงมาจะเป็นอเมริกา, อังกฤษ, รัสเซีย, ไต้หวัน และเมียนมา ซึ่งจะเห็นได้ว่าประเทศดังกล่าวล้วนเป็นประเทศที่มีปัญหา หรือความขัดแย้งกับประเทศอื่นด้วยทั้งสิ้น

ล่าสุดบริษัทฯได้นำโครงการที่มีในพอร์ตกว่า 30 โครงการ มาร่วมงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 44 โดยได้วางเป้าหมายยอดขาย (Presale) ช่วงระยะเวลา 4 วันที่จัดงานไว้ที่ประมาณ 700-800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ประมาณ 600 ล้านบาท และในช่วงหลังจบงาน 2 สัปดาห์ คาดว่าจะมียอดขายต่อเนื่องเข้ามาอีกประมาณ 200-300 ล้านบาท

แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2566 จะเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปีนี้ เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับบริษัทมีการออกแคมเปญส่งเสริมการตลาดควบคู่ไปด้วย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อในช่วงปลายปีอีกทาง และมองว่าคอนโดฯยังมีความน่าลงทุน โดยเฉพาะคอนโดฯรีสอร์ท ในต่างจังหวัด สำหรับตลาดคอนโดฯในกทม.-ปริมณฑล คือทำเลใหม่ๆที่เป็นส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ที่ยังพอไปได้ แต่ในย่านใจกลางเมืองยังมีการชะลอตัวอยู่

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*